บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2023

ขันธวิมุติสามัคคีธรรมะ

 ขันธวิมุติสามัคคีธรรมะ

ขันทรงขัน

 ขันทรงขัน

จบ

 จบ

นิพพาน

  นิพพาน

ไทย

 ไทย
รูปภาพ
 

นิพพาน

 นิพพาน

ศีล สมาธิ ปัญญา

  ศีล สมาธิ ปัญญา

https://fb.watch/i_mN05GKrR/

 https://fb.watch/i_mN05GKrR/

https://fb.watch/i_mIyAu6bt/

 https://fb.watch/i_mIyAu6bt/

เลิกฟัง "เสียงลบๆ" จากคนอื่น ไม่มีใครรู้จักคุณ เท่าตัวคุณเอง เลิกใส่ใจ "คำวิจารณ์" ทำ "หูทวนลม" บ้างก็ดี ฟังแล้วเก็บมา "ฟุ้งซ่าน" ถามว่าชีวิตดีขึ้น หรือแย่ลง ทุกเช้าที่ลืมตาคุณพูดอะไร คุณคิดกับตัวเองแบบไหน อันนี้ "สำคัญ" กว่า จะดี จะเลว ไม่ใช่เพราะขี้ปากใคร สิ่งที่คุณบอกกับตัวเองทุกวัน นั่นแหละ "อนาคต" คุณ

  เลิกฟัง "เสียงลบๆ" จากคนอื่น ไม่มีใครรู้จักคุณ เท่าตัวคุณเอง เลิกใส่ใจ "คำวิจารณ์" ทำ "หูทวนลม" บ้างก็ดี ฟังแล้วเก็บมา "ฟุ้งซ่าน" ถามว่าชีวิตดีขึ้น หรือแย่ลง ทุกเช้าที่ลืมตาคุณพูดอะไร คุณคิดกับตัวเองแบบไหน อันนี้ "สำคัญ" กว่า จะดี จะเลว ไม่ใช่เพราะขี้ปากใคร สิ่งที่คุณบอกกับตัวเองทุกวัน นั่นแหละ "อนาคต" คุณ

อเมริกา

 อเมริกา

จบ

  จบ

จบ

  จบ

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

 สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

จบ

  จบ

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

  สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

 สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

  สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

  สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

จบ

   จบ

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

  สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

  สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

ลงมาถ่าเด้อแม่

 ลงมาถ่าเด้อแม่

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

 สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

  สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

  สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

จบ

   จบ

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

  สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

  สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

 สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

ยินดีต้อนรับ

 ยินดีต้อนรับ

สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

  สหรัฐอเมริกา 4 ไทย 1

ยินดีต้อนรับ

 ยินดีต้อนรับ

ไฟสิไหม้บ้าน

 ไฟสิไหม้บ้าน

ไฟสิไหม้บ้าน

 ไฟสิไหม้บ้าน

จบ

 จบ

สหรัฐอเมริกา 5 ไทย 1

  สหรัฐอเมริกา 5 ไทย 1

สหรัฐอเมริกา 5 ไทย 1

  สหรัฐอเมริกา 5 ไทย 1

จบ

 จบ

จบ

 จบ

จบ

  จบ

จบ

  จบ

จบแล้ว

 จบแล้ว

มาโลด

 มาโลด

จบ

 จบ

สหรัฐอเมริกา 5

 สหรัฐอเมริกา 5

สหรัฐอเมริกา 5

 สหรัฐอเมริกา 5

จบ

 จบ

สหรัฐอเมริกา 5

  สหรัฐอเมริกา 5

จากผู้นำศาสนา

 จากผู้นำศาสนา

ยินดีต้อนรับทุกท่าน

 ยินดีต้อนรับทุกท่าน

สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็ไม่สามารถบอกใครได้ว่า..."ตัวเราภูมิใจมากน้อยเพียงใด เพราะบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง"... ระยะทางที่ผู้เขียนผ่านมานั้น ทำให้ตัวเราซึ่งเป็นผู้หญิงเฉกเช่นเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ในความเหมือนนั้นอาจอยู่บนความแตกต่างกัน เมื่อนั่งคิดและสำรวจตัวเราเองแล้ว สิ่งที่เห็นว่าตนเองมีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากตัวคนเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือ..."การเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง + ความแข็งแกร่ง + ความกล้าแสดงความคิดเห็น + การกล้าที่จะแสดงออก + "การได้รับประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น" + การได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเพิ่มขึ้น" (แต่ความรู้ที่ไม่เคยรู้อีกในอนาคตก็ต้องเรียนรู้อีกต่อไป เป็นเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต)...อาจเป็นเพราะตัวผู้เขียนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความคิดอ่านมากขึ้นหรือที่เรียกว่า "มีประสบการณ์มากขึ้น" นั่นเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในตัวของผู้เขียนเองในระยะที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้เขียนมองโลกในทางที่ดีเสมอต่อการดำรงชีวิต + การทำงาน เรียกง่าย ๆ ว่า "มองโลกในแง่บวก" มองทุก ๆ คน เป็นคนดี เป็นมิตรที่ดีเสมอ...(อาจเป็นเพราะผู้เขียนเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องบุคคลก็ว่าได้ เนื่องจากงานบุคคลนั้น ถ้าตัวเราไม่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเองแล้วละก็...ก็สามารถตัดไปได้เลย เพราะเรื่องงานบุคคลที่ตัวเราได้ปฏิบัติจริง ๆ นั้น จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบความมีคุณธรรม + การรักษาสิทธิประโยชน์ การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในองค์กรและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด...ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ บุคคลที่ได้ทำงานเกี่ยวกับงานบุคคลจะประพฤติ - ปฏิบัติอย่างไรแล้วล่ะ... และการนำหลักธรรม + คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเอง กับครอบครัว กับคนรอบข้างและเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา เพราะในความคิดของผู้เขียนแล้วมีความคิดเห็นว่า "สังคมที่เราอยู่วุ่นวายกันในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะเรื่องการไม่ได้นำหลักธรรม คำสั่งสอน ฯ มาปฏิบัตินั่นเอง" บางคนก็หลงลืมไปว่า...หลักธรรมนั้นสามารถนำมาปรับและประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินชีวิตของตัวเราเองได้...เพียงแต่ไม่ทำกันเท่านั้นเอง...บางครั้ง บางคน รู้กระทั่งรู้ แต่ก็ไม่ทำ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อคนเรานำหลักธรรมมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเรา นั่นคือ "การเห็นแจ้ง การเห็นความจริง" เห็นเรื่อง "สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์จริง ๆ"...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องการที่ตัวเรามาจาก ณ จุดเริ่มต้น เมื่อขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงสุด สักวันหนึ่งเราก็ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น คือ ออกจากงานหรือเกษียณอายุราชการ...หรือการที่เราได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหนึ่งตัวเราก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมที่ได้จากมา...ฯลฯ เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...มันผ่านไปกับกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องของ "สัจธรรม...ความจริง" นั่นเอง สำหรับคำว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"... ว่าแต่ว่า..."ใครจะนำหลักธรรมไปปฏิบัติได้มากกว่ากัน โดยจะทำให้สังคมของการทำงานวุ่นวายได้น้อยลง...

 สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า  "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น"   ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า  "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ" ...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ... "ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง"  เป็นเรื่องที่บางเ

สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็ไม่สามารถบอกใครได้ว่า..."ตัวเราภูมิใจมากน้อยเพียงใด เพราะบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง"... ระยะทางที่ผู้เขียนผ่านมานั้น ทำให้ตัวเราซึ่งเป็นผู้หญิงเฉกเช่นเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ในความเหมือนนั้นอาจอยู่บนความแตกต่างกัน เมื่อนั่งคิดและสำรวจตัวเราเองแล้ว สิ่งที่เห็นว่าตนเองมีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากตัวคนเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือ..."การเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง + ความแข็งแกร่ง + ความกล้าแสดงความคิดเห็น + การกล้าที่จะแสดงออก + "การได้รับประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น" + การได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเพิ่มขึ้น" (แต่ความรู้ที่ไม่เคยรู้อีกในอนาคตก็ต้องเรียนรู้อีกต่อไป เป็นเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต)...อาจเป็นเพราะตัวผู้เขียนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความคิดอ่านมากขึ้นหรือที่เรียกว่า "มีประสบการณ์มากขึ้น" นั่นเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในตัวของผู้เขียนเองในระยะที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้เขียนมองโลกในทางที่ดีเสมอต่อการดำรงชีวิต + การทำงาน เรียกง่าย ๆ ว่า "มองโลกในแง่บวก" มองทุก ๆ คน เป็นคนดี เป็นมิตรที่ดีเสมอ...(อาจเป็นเพราะผู้เขียนเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องบุคคลก็ว่าได้ เนื่องจากงานบุคคลนั้น ถ้าตัวเราไม่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเองแล้วละก็...ก็สามารถตัดไปได้เลย เพราะเรื่องงานบุคคลที่ตัวเราได้ปฏิบัติจริง ๆ นั้น จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบความมีคุณธรรม + การรักษาสิทธิประโยชน์ การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในองค์กรและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด...ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ บุคคลที่ได้ทำงานเกี่ยวกับงานบุคคลจะประพฤติ - ปฏิบัติอย่างไรแล้วล่ะ... และการนำหลักธรรม + คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเอง กับครอบครัว กับคนรอบข้างและเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา เพราะในความคิดของผู้เขียนแล้วมีความคิดเห็นว่า "สังคมที่เราอยู่วุ่นวายกันในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะเรื่องการไม่ได้นำหลักธรรม คำสั่งสอน ฯ มาปฏิบัตินั่นเอง" บางคนก็หลงลืมไปว่า...หลักธรรมนั้นสามารถนำมาปรับและประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินชีวิตของตัวเราเองได้...เพียงแต่ไม่ทำกันเท่านั้นเอง...บางครั้ง บางคน รู้กระทั่งรู้ แต่ก็ไม่ทำ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อคนเรานำหลักธรรมมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเรา นั่นคือ "การเห็นแจ้ง การเห็นความจริง" เห็นเรื่อง "สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์จริง ๆ"...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องการที่ตัวเรามาจาก ณ จุดเริ่มต้น เมื่อขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงสุด สักวันหนึ่งเราก็ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น คือ ออกจากงานหรือเกษียณอายุราชการ...หรือการที่เราได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหนึ่งตัวเราก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมที่ได้จากมา...ฯลฯ เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...มันผ่านไปกับกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องของ "สัจธรรม...ความจริง" นั่นเอง สำหรับคำว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"... ว่าแต่ว่า..."ใครจะนำหลักธรรมไปปฏิบัติได้มากกว่ากัน โดยจะทำให้สังคมของการทำงานวุ่นวายได้น้อยลง...

 สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า  "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น"   ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า  "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ" ...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ... "ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง"  เป็นเรื่องที่บางเ

สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็ไม่สามารถบอกใครได้ว่า..."ตัวเราภูมิใจมากน้อยเพียงใด เพราะบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง"... ระยะทางที่ผู้เขียนผ่านมานั้น ทำให้ตัวเราซึ่งเป็นผู้หญิงเฉกเช่นเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ในความเหมือนนั้นอาจอยู่บนความแตกต่างกัน เมื่อนั่งคิดและสำรวจตัวเราเองแล้ว สิ่งที่เห็นว่าตนเองมีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากตัวคนเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือ..."การเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง + ความแข็งแกร่ง + ความกล้าแสดงความคิดเห็น + การกล้าที่จะแสดงออก + "การได้รับประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น" + การได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเพิ่มขึ้น" (แต่ความรู้ที่ไม่เคยรู้อีกในอนาคตก็ต้องเรียนรู้อีกต่อไป เป็นเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต)...อาจเป็นเพราะตัวผู้เขียนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความคิดอ่านมากขึ้นหรือที่เรียกว่า "มีประสบการณ์มากขึ้น" นั่นเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในตัวของผู้เขียนเองในระยะที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้เขียนมองโลกในทางที่ดีเสมอต่อการดำรงชีวิต + การทำงาน เรียกง่าย ๆ ว่า "มองโลกในแง่บวก" มองทุก ๆ คน เป็นคนดี เป็นมิตรที่ดีเสมอ...(อาจเป็นเพราะผู้เขียนเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องบุคคลก็ว่าได้ เนื่องจากงานบุคคลนั้น ถ้าตัวเราไม่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเองแล้วละก็...ก็สามารถตัดไปได้เลย เพราะเรื่องงานบุคคลที่ตัวเราได้ปฏิบัติจริง ๆ นั้น จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบความมีคุณธรรม + การรักษาสิทธิประโยชน์ การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในองค์กรและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด...ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ บุคคลที่ได้ทำงานเกี่ยวกับงานบุคคลจะประพฤติ - ปฏิบัติอย่างไรแล้วล่ะ... และการนำหลักธรรม + คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเอง กับครอบครัว กับคนรอบข้างและเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา เพราะในความคิดของผู้เขียนแล้วมีความคิดเห็นว่า "สังคมที่เราอยู่วุ่นวายกันในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะเรื่องการไม่ได้นำหลักธรรม คำสั่งสอน ฯ มาปฏิบัตินั่นเอง" บางคนก็หลงลืมไปว่า...หลักธรรมนั้นสามารถนำมาปรับและประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินชีวิตของตัวเราเองได้...เพียงแต่ไม่ทำกันเท่านั้นเอง...บางครั้ง บางคน รู้กระทั่งรู้ แต่ก็ไม่ทำ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อคนเรานำหลักธรรมมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเรา นั่นคือ "การเห็นแจ้ง การเห็นความจริง" เห็นเรื่อง "สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์จริง ๆ"...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องการที่ตัวเรามาจาก ณ จุดเริ่มต้น เมื่อขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงสุด สักวันหนึ่งเราก็ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น คือ ออกจากงานหรือเกษียณอายุราชการ...หรือการที่เราได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหนึ่งตัวเราก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมที่ได้จากมา...ฯลฯ เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...มันผ่านไปกับกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องของ "สัจธรรม...ความจริง" นั่นเอง สำหรับคำว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"... ว่าแต่ว่า..."ใครจะนำหลักธรรมไปปฏิบัติได้มากกว่ากัน โดยจะทำให้สังคมของการทำงานวุ่นวายได้น้อยลง...

 สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า  "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น"   ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า  "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ" ...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ... "ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง"  เป็นเรื่องที่บางเ

สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็ไม่สามารถบอกใครได้ว่า..."ตัวเราภูมิใจมากน้อยเพียงใด เพราะบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง"... ระยะทางที่ผู้เขียนผ่านมานั้น ทำให้ตัวเราซึ่งเป็นผู้หญิงเฉกเช่นเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ในความเหมือนนั้นอาจอยู่บนความแตกต่างกัน เมื่อนั่งคิดและสำรวจตัวเราเองแล้ว สิ่งที่เห็นว่าตนเองมีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากตัวคนเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือ..."การเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง + ความแข็งแกร่ง + ความกล้าแสดงความคิดเห็น + การกล้าที่จะแสดงออก + "การได้รับประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น" + การได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเพิ่มขึ้น" (แต่ความรู้ที่ไม่เคยรู้อีกในอนาคตก็ต้องเรียนรู้อีกต่อไป เป็นเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต)...อาจเป็นเพราะตัวผู้เขียนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความคิดอ่านมากขึ้นหรือที่เรียกว่า "มีประสบการณ์มากขึ้น" นั่นเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในตัวของผู้เขียนเองในระยะที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้เขียนมองโลกในทางที่ดีเสมอต่อการดำรงชีวิต + การทำงาน เรียกง่าย ๆ ว่า "มองโลกในแง่บวก" มองทุก ๆ คน เป็นคนดี เป็นมิตรที่ดีเสมอ...(อาจเป็นเพราะผู้เขียนเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องบุคคลก็ว่าได้ เนื่องจากงานบุคคลนั้น ถ้าตัวเราไม่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเองแล้วละก็...ก็สามารถตัดไปได้เลย เพราะเรื่องงานบุคคลที่ตัวเราได้ปฏิบัติจริง ๆ นั้น จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบความมีคุณธรรม + การรักษาสิทธิประโยชน์ การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในองค์กรและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด...ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ บุคคลที่ได้ทำงานเกี่ยวกับงานบุคคลจะประพฤติ - ปฏิบัติอย่างไรแล้วล่ะ... และการนำหลักธรรม + คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเอง กับครอบครัว กับคนรอบข้างและเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา เพราะในความคิดของผู้เขียนแล้วมีความคิดเห็นว่า "สังคมที่เราอยู่วุ่นวายกันในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะเรื่องการไม่ได้นำหลักธรรม คำสั่งสอน ฯ มาปฏิบัตินั่นเอง" บางคนก็หลงลืมไปว่า...หลักธรรมนั้นสามารถนำมาปรับและประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินชีวิตของตัวเราเองได้...เพียงแต่ไม่ทำกันเท่านั้นเอง...บางครั้ง บางคน รู้กระทั่งรู้ แต่ก็ไม่ทำ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อคนเรานำหลักธรรมมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเรา นั่นคือ "การเห็นแจ้ง การเห็นความจริง" เห็นเรื่อง "สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์จริง ๆ"...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องการที่ตัวเรามาจาก ณ จุดเริ่มต้น เมื่อขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงสุด สักวันหนึ่งเราก็ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น คือ ออกจากงานหรือเกษียณอายุราชการ...หรือการที่เราได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหนึ่งตัวเราก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมที่ได้จากมา...ฯลฯ เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...มันผ่านไปกับกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องของ "สัจธรรม...ความจริง" นั่นเอง สำหรับคำว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"... ว่าแต่ว่า..."ใครจะนำหลักธรรมไปปฏิบัติได้มากกว่ากัน โดยจะทำให้สังคมของการทำงานวุ่นวายได้น้อยลง...

 สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็

สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็ไม่สามารถบอกใครได้ว่า..."ตัวเราภูมิใจมากน้อยเพียงใด เพราะบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง"... ระยะทางที่ผู้เขียนผ่านมานั้น ทำให้ตัวเราซึ่งเป็นผู้หญิงเฉกเช่นเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ในความเหมือนนั้นอาจอยู่บนความแตกต่างกัน เมื่อนั่งคิดและสำรวจตัวเราเองแล้ว สิ่งที่เห็นว่าตนเองมีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากตัวคนเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือ..."การเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง + ความแข็งแกร่ง + ความกล้าแสดงความคิดเห็น + การกล้าที่จะแสดงออก + "การได้รับประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น" + การได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเพิ่มขึ้น" (แต่ความรู้ที่ไม่เคยรู้อีกในอนาคตก็ต้องเรียนรู้อีกต่อไป เป็นเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต)...อาจเป็นเพราะตัวผู้เขียนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความคิดอ่านมากขึ้นหรือที่เรียกว่า "มีประสบการณ์มากขึ้น" นั่นเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในตัวของผู้เขียนเองในระยะที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้เขียนมองโลกในทางที่ดีเสมอต่อการดำรงชีวิต + การทำงาน เรียกง่าย ๆ ว่า "มองโลกในแง่บวก" มองทุก ๆ คน เป็นคนดี เป็นมิตรที่ดีเสมอ...(อาจเป็นเพราะผู้เขียนเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องบุคคลก็ว่าได้ เนื่องจากงานบุคคลนั้น ถ้าตัวเราไม่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเองแล้วละก็...ก็สามารถตัดไปได้เลย เพราะเรื่องงานบุคคลที่ตัวเราได้ปฏิบัติจริง ๆ นั้น จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบความมีคุณธรรม + การรักษาสิทธิประโยชน์ การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในองค์กรและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด...ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ บุคคลที่ได้ทำงานเกี่ยวกับงานบุคคลจะประพฤติ - ปฏิบัติอย่างไรแล้วล่ะ... และการนำหลักธรรม + คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเอง กับครอบครัว กับคนรอบข้างและเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา เพราะในความคิดของผู้เขียนแล้วมีความคิดเห็นว่า "สังคมที่เราอยู่วุ่นวายกันในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะเรื่องการไม่ได้นำหลักธรรม คำสั่งสอน ฯ มาปฏิบัตินั่นเอง" บางคนก็หลงลืมไปว่า...หลักธรรมนั้นสามารถนำมาปรับและประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินชีวิตของตัวเราเองได้...เพียงแต่ไม่ทำกันเท่านั้นเอง...บางครั้ง บางคน รู้กระทั่งรู้ แต่ก็ไม่ทำ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อคนเรานำหลักธรรมมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเรา นั่นคือ "การเห็นแจ้ง การเห็นความจริง" เห็นเรื่อง "สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์จริง ๆ"...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องการที่ตัวเรามาจาก ณ จุดเริ่มต้น เมื่อขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงสุด สักวันหนึ่งเราก็ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น คือ ออกจากงานหรือเกษียณอายุราชการ...หรือการที่เราได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหนึ่งตัวเราก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมที่ได้จากมา...ฯลฯ เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...มันผ่านไปกับกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องของ "สัจธรรม...ความจริง" นั่นเอง สำหรับคำว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"... ว่าแต่ว่า..."ใครจะนำหลักธรรมไปปฏิบัติได้มากกว่ากัน โดยจะทำให้สังคมของการทำงานวุ่นวายได้น้อยลง...

  สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก

สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็ไม่สามารถบอกใครได้ว่า..."ตัวเราภูมิใจมากน้อยเพียงใด เพราะบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง"... ระยะทางที่ผู้เขียนผ่านมานั้น ทำให้ตัวเราซึ่งเป็นผู้หญิงเฉกเช่นเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ในความเหมือนนั้นอาจอยู่บนความแตกต่างกัน เมื่อนั่งคิดและสำรวจตัวเราเองแล้ว สิ่งที่เห็นว่าตนเองมีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากตัวคนเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือ..."การเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง + ความแข็งแกร่ง + ความกล้าแสดงความคิดเห็น + การกล้าที่จะแสดงออก + "การได้รับประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น" + การได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเพิ่มขึ้น" (แต่ความรู้ที่ไม่เคยรู้อีกในอนาคตก็ต้องเรียนรู้อีกต่อไป เป็นเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต)...อาจเป็นเพราะตัวผู้เขียนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความคิดอ่านมากขึ้นหรือที่เรียกว่า "มีประสบการณ์มากขึ้น" นั่นเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในตัวของผู้เขียนเองในระยะที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้เขียนมองโลกในทางที่ดีเสมอต่อการดำรงชีวิต + การทำงาน เรียกง่าย ๆ ว่า "มองโลกในแง่บวก" มองทุก ๆ คน เป็นคนดี เป็นมิตรที่ดีเสมอ...(อาจเป็นเพราะผู้เขียนเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องบุคคลก็ว่าได้ เนื่องจากงานบุคคลนั้น ถ้าตัวเราไม่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเองแล้วละก็...ก็สามารถตัดไปได้เลย เพราะเรื่องงานบุคคลที่ตัวเราได้ปฏิบัติจริง ๆ นั้น จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบความมีคุณธรรม + การรักษาสิทธิประโยชน์ การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในองค์กรและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด...ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ บุคคลที่ได้ทำงานเกี่ยวกับงานบุคคลจะประพฤติ - ปฏิบัติอย่างไรแล้วล่ะ... และการนำหลักธรรม + คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเอง กับครอบครัว กับคนรอบข้างและเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา เพราะในความคิดของผู้เขียนแล้วมีความคิดเห็นว่า "สังคมที่เราอยู่วุ่นวายกันในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะเรื่องการไม่ได้นำหลักธรรม คำสั่งสอน ฯ มาปฏิบัตินั่นเอง" บางคนก็หลงลืมไปว่า...หลักธรรมนั้นสามารถนำมาปรับและประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินชีวิตของตัวเราเองได้...เพียงแต่ไม่ทำกันเท่านั้นเอง...บางครั้ง บางคน รู้กระทั่งรู้ แต่ก็ไม่ทำ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อคนเรานำหลักธรรมมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเรา นั่นคือ "การเห็นแจ้ง การเห็นความจริง" เห็นเรื่อง "สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์จริง ๆ"...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องการที่ตัวเรามาจาก ณ จุดเริ่มต้น เมื่อขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงสุด สักวันหนึ่งเราก็ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น คือ ออกจากงานหรือเกษียณอายุราชการ...หรือการที่เราได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหนึ่งตัวเราก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมที่ได้จากมา...ฯลฯ เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...มันผ่านไปกับกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องของ "สัจธรรม...ความจริง" นั่นเอง สำหรับคำว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"... ว่าแต่ว่า..."ใครจะนำหลักธรรมไปปฏิบัติได้มากกว่ากัน โดยจะทำให้สังคมของการทำงานวุ่นวายได้น้อยลง...

  สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก

สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็ไม่สามารถบอกใครได้ว่า..."ตัวเราภูมิใจมากน้อยเพียงใด เพราะบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง"... ระยะทางที่ผู้เขียนผ่านมานั้น ทำให้ตัวเราซึ่งเป็นผู้หญิงเฉกเช่นเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ในความเหมือนนั้นอาจอยู่บนความแตกต่างกัน เมื่อนั่งคิดและสำรวจตัวเราเองแล้ว สิ่งที่เห็นว่าตนเองมีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากตัวคนเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือ..."การเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง + ความแข็งแกร่ง + ความกล้าแสดงความคิดเห็น + การกล้าที่จะแสดงออก + "การได้รับประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น" + การได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเพิ่มขึ้น" (แต่ความรู้ที่ไม่เคยรู้อีกในอนาคตก็ต้องเรียนรู้อีกต่อไป เป็นเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต)...อาจเป็นเพราะตัวผู้เขียนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความคิดอ่านมากขึ้นหรือที่เรียกว่า "มีประสบการณ์มากขึ้น" นั่นเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในตัวของผู้เขียนเองในระยะที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้เขียนมองโลกในทางที่ดีเสมอต่อการดำรงชีวิต + การทำงาน เรียกง่าย ๆ ว่า "มองโลกในแง่บวก" มองทุก ๆ คน เป็นคนดี เป็นมิตรที่ดีเสมอ...(อาจเป็นเพราะผู้เขียนเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องบุคคลก็ว่าได้ เนื่องจากงานบุคคลนั้น ถ้าตัวเราไม่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเองแล้วละก็...ก็สามารถตัดไปได้เลย เพราะเรื่องงานบุคคลที่ตัวเราได้ปฏิบัติจริง ๆ นั้น จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบความมีคุณธรรม + การรักษาสิทธิประโยชน์ การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในองค์กรและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด...ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ บุคคลที่ได้ทำงานเกี่ยวกับงานบุคคลจะประพฤติ - ปฏิบัติอย่างไรแล้วล่ะ... และการนำหลักธรรม + คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเอง กับครอบครัว กับคนรอบข้างและเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา เพราะในความคิดของผู้เขียนแล้วมีความคิดเห็นว่า "สังคมที่เราอยู่วุ่นวายกันในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะเรื่องการไม่ได้นำหลักธรรม คำสั่งสอน ฯ มาปฏิบัตินั่นเอง" บางคนก็หลงลืมไปว่า...หลักธรรมนั้นสามารถนำมาปรับและประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินชีวิตของตัวเราเองได้...เพียงแต่ไม่ทำกันเท่านั้นเอง...บางครั้ง บางคน รู้กระทั่งรู้ แต่ก็ไม่ทำ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อคนเรานำหลักธรรมมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเรา นั่นคือ "การเห็นแจ้ง การเห็นความจริง" เห็นเรื่อง "สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์จริง ๆ"...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องการที่ตัวเรามาจาก ณ จุดเริ่มต้น เมื่อขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงสุด สักวันหนึ่งเราก็ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น คือ ออกจากงานหรือเกษียณอายุราชการ...หรือการที่เราได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหนึ่งตัวเราก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมที่ได้จากมา...ฯลฯ เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...มันผ่านไปกับกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องของ "สัจธรรม...ความจริง" นั่นเอง สำหรับคำว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"... ว่าแต่ว่า..."ใครจะนำหลักธรรมไปปฏิบัติได้มากกว่ากัน โดยจะทำให้สังคมของการทำงานวุ่นวายได้น้อยลง...

 สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็

สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็ไม่สามารถบอกใครได้ว่า..."ตัวเราภูมิใจมากน้อยเพียงใด เพราะบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง"... ระยะทางที่ผู้เขียนผ่านมานั้น ทำให้ตัวเราซึ่งเป็นผู้หญิงเฉกเช่นเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ในความเหมือนนั้นอาจอยู่บนความแตกต่างกัน เมื่อนั่งคิดและสำรวจตัวเราเองแล้ว สิ่งที่เห็นว่าตนเองมีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากตัวคนเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือ..."การเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง + ความแข็งแกร่ง + ความกล้าแสดงความคิดเห็น + การกล้าที่จะแสดงออก + "การได้รับประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น" + การได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเพิ่มขึ้น" (แต่ความรู้ที่ไม่เคยรู้อีกในอนาคตก็ต้องเรียนรู้อีกต่อไป เป็นเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต)...อาจเป็นเพราะตัวผู้เขียนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความคิดอ่านมากขึ้นหรือที่เรียกว่า "มีประสบการณ์มากขึ้น" นั่นเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในตัวของผู้เขียนเองในระยะที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้เขียนมองโลกในทางที่ดีเสมอต่อการดำรงชีวิต + การทำงาน เรียกง่าย ๆ ว่า "มองโลกในแง่บวก" มองทุก ๆ คน เป็นคนดี เป็นมิตรที่ดีเสมอ...(อาจเป็นเพราะผู้เขียนเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องบุคคลก็ว่าได้ เนื่องจากงานบุคคลนั้น ถ้าตัวเราไม่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเองแล้วละก็...ก็สามารถตัดไปได้เลย เพราะเรื่องงานบุคคลที่ตัวเราได้ปฏิบัติจริง ๆ นั้น จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบความมีคุณธรรม + การรักษาสิทธิประโยชน์ การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในองค์กรและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด...ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ บุคคลที่ได้ทำงานเกี่ยวกับงานบุคคลจะประพฤติ - ปฏิบัติอย่างไรแล้วล่ะ... และการนำหลักธรรม + คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเอง กับครอบครัว กับคนรอบข้างและเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา เพราะในความคิดของผู้เขียนแล้วมีความคิดเห็นว่า "สังคมที่เราอยู่วุ่นวายกันในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะเรื่องการไม่ได้นำหลักธรรม คำสั่งสอน ฯ มาปฏิบัตินั่นเอง" บางคนก็หลงลืมไปว่า...หลักธรรมนั้นสามารถนำมาปรับและประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินชีวิตของตัวเราเองได้...เพียงแต่ไม่ทำกันเท่านั้นเอง...บางครั้ง บางคน รู้กระทั่งรู้ แต่ก็ไม่ทำ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อคนเรานำหลักธรรมมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเรา นั่นคือ "การเห็นแจ้ง การเห็นความจริง" เห็นเรื่อง "สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์จริง ๆ"...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องการที่ตัวเรามาจาก ณ จุดเริ่มต้น เมื่อขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงสุด สักวันหนึ่งเราก็ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น คือ ออกจากงานหรือเกษียณอายุราชการ...หรือการที่เราได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหนึ่งตัวเราก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมที่ได้จากมา...ฯลฯ เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...มันผ่านไปกับกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องของ "สัจธรรม...ความจริง" นั่นเอง สำหรับคำว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"... ว่าแต่ว่า..."ใครจะนำหลักธรรมไปปฏิบัติได้มากกว่ากัน โดยจะทำให้สังคมของการทำงานวุ่นวายได้น้อยลง...

  สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก

สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็ไม่สามารถบอกใครได้ว่า..."ตัวเราภูมิใจมากน้อยเพียงใด เพราะบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง"... ระยะทางที่ผู้เขียนผ่านมานั้น ทำให้ตัวเราซึ่งเป็นผู้หญิงเฉกเช่นเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ในความเหมือนนั้นอาจอยู่บนความแตกต่างกัน เมื่อนั่งคิดและสำรวจตัวเราเองแล้ว สิ่งที่เห็นว่าตนเองมีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากตัวคนเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือ..."การเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง + ความแข็งแกร่ง + ความกล้าแสดงความคิดเห็น + การกล้าที่จะแสดงออก + "การได้รับประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น" + การได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเพิ่มขึ้น" (แต่ความรู้ที่ไม่เคยรู้อีกในอนาคตก็ต้องเรียนรู้อีกต่อไป เป็นเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต)...อาจเป็นเพราะตัวผู้เขียนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความคิดอ่านมากขึ้นหรือที่เรียกว่า "มีประสบการณ์มากขึ้น" นั่นเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในตัวของผู้เขียนเองในระยะที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้เขียนมองโลกในทางที่ดีเสมอต่อการดำรงชีวิต + การทำงาน เรียกง่าย ๆ ว่า "มองโลกในแง่บวก" มองทุก ๆ คน เป็นคนดี เป็นมิตรที่ดีเสมอ...(อาจเป็นเพราะผู้เขียนเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องบุคคลก็ว่าได้ เนื่องจากงานบุคคลนั้น ถ้าตัวเราไม่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเองแล้วละก็...ก็สามารถตัดไปได้เลย เพราะเรื่องงานบุคคลที่ตัวเราได้ปฏิบัติจริง ๆ นั้น จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบความมีคุณธรรม + การรักษาสิทธิประโยชน์ การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในองค์กรและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด...ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ บุคคลที่ได้ทำงานเกี่ยวกับงานบุคคลจะประพฤติ - ปฏิบัติอย่างไรแล้วล่ะ... และการนำหลักธรรม + คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเอง กับครอบครัว กับคนรอบข้างและเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา เพราะในความคิดของผู้เขียนแล้วมีความคิดเห็นว่า "สังคมที่เราอยู่วุ่นวายกันในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะเรื่องการไม่ได้นำหลักธรรม คำสั่งสอน ฯ มาปฏิบัตินั่นเอง" บางคนก็หลงลืมไปว่า...หลักธรรมนั้นสามารถนำมาปรับและประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินชีวิตของตัวเราเองได้...เพียงแต่ไม่ทำกันเท่านั้นเอง...บางครั้ง บางคน รู้กระทั่งรู้ แต่ก็ไม่ทำ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อคนเรานำหลักธรรมมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเรา นั่นคือ "การเห็นแจ้ง การเห็นความจริง" เห็นเรื่อง "สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์จริง ๆ"...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องการที่ตัวเรามาจาก ณ จุดเริ่มต้น เมื่อขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงสุด สักวันหนึ่งเราก็ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น คือ ออกจากงานหรือเกษียณอายุราชการ...หรือการที่เราได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหนึ่งตัวเราก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมที่ได้จากมา...ฯลฯ เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...มันผ่านไปกับกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องของ "สัจธรรม...ความจริง" นั่นเอง สำหรับคำว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"... ว่าแต่ว่า..."ใครจะนำหลักธรรมไปปฏิบัติได้มากกว่ากัน โดยจะทำให้สังคมของการทำงานวุ่นวายได้น้อยลง...

 สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า  "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น"   ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า  "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ" ...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ... "ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง"  เป็นเรื่องที่บางเ

สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็ไม่สามารถบอกใครได้ว่า..."ตัวเราภูมิใจมากน้อยเพียงใด เพราะบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง"... ระยะทางที่ผู้เขียนผ่านมานั้น ทำให้ตัวเราซึ่งเป็นผู้หญิงเฉกเช่นเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ในความเหมือนนั้นอาจอยู่บนความแตกต่างกัน เมื่อนั่งคิดและสำรวจตัวเราเองแล้ว สิ่งที่เห็นว่าตนเองมีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากตัวคนเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือ..."การเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง + ความแข็งแกร่ง + ความกล้าแสดงความคิดเห็น + การกล้าที่จะแสดงออก + "การได้รับประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น" + การได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเพิ่มขึ้น" (แต่ความรู้ที่ไม่เคยรู้อีกในอนาคตก็ต้องเรียนรู้อีกต่อไป เป็นเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต)...อาจเป็นเพราะตัวผู้เขียนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความคิดอ่านมากขึ้นหรือที่เรียกว่า "มีประสบการณ์มากขึ้น" นั่นเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในตัวของผู้เขียนเองในระยะที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้เขียนมองโลกในทางที่ดีเสมอต่อการดำรงชีวิต + การทำงาน เรียกง่าย ๆ ว่า "มองโลกในแง่บวก" มองทุก ๆ คน เป็นคนดี เป็นมิตรที่ดีเสมอ...(อาจเป็นเพราะผู้เขียนเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องบุคคลก็ว่าได้ เนื่องจากงานบุคคลนั้น ถ้าตัวเราไม่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเองแล้วละก็...ก็สามารถตัดไปได้เลย เพราะเรื่องงานบุคคลที่ตัวเราได้ปฏิบัติจริง ๆ นั้น จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบความมีคุณธรรม + การรักษาสิทธิประโยชน์ การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในองค์กรและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด...ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ บุคคลที่ได้ทำงานเกี่ยวกับงานบุคคลจะประพฤติ - ปฏิบัติอย่างไรแล้วล่ะ... และการนำหลักธรรม + คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเอง กับครอบครัว กับคนรอบข้างและเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา เพราะในความคิดของผู้เขียนแล้วมีความคิดเห็นว่า "สังคมที่เราอยู่วุ่นวายกันในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะเรื่องการไม่ได้นำหลักธรรม คำสั่งสอน ฯ มาปฏิบัตินั่นเอง" บางคนก็หลงลืมไปว่า...หลักธรรมนั้นสามารถนำมาปรับและประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินชีวิตของตัวเราเองได้...เพียงแต่ไม่ทำกันเท่านั้นเอง...บางครั้ง บางคน รู้กระทั่งรู้ แต่ก็ไม่ทำ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อคนเรานำหลักธรรมมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเรา นั่นคือ "การเห็นแจ้ง การเห็นความจริง" เห็นเรื่อง "สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์จริง ๆ"...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องการที่ตัวเรามาจาก ณ จุดเริ่มต้น เมื่อขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงสุด สักวันหนึ่งเราก็ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น คือ ออกจากงานหรือเกษียณอายุราชการ...หรือการที่เราได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหนึ่งตัวเราก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมที่ได้จากมา...ฯลฯ เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...มันผ่านไปกับกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องของ "สัจธรรม...ความจริง" นั่นเอง สำหรับคำว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"... ว่าแต่ว่า..."ใครจะนำหลักธรรมไปปฏิบัติได้มากกว่ากัน โดยจะทำให้สังคมของการทำงานวุ่นวายได้น้อยลง...

 สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า  "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น"   ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า  "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ" ...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ... "ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง"  เป็นเรื่องที่บางเ

สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น" ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ"...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ..."ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง" เป็นเรื่องที่บางเรื่องก็ไม่สามารถบอกใครได้ว่า..."ตัวเราภูมิใจมากน้อยเพียงใด เพราะบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง"... ระยะทางที่ผู้เขียนผ่านมานั้น ทำให้ตัวเราซึ่งเป็นผู้หญิงเฉกเช่นเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ในความเหมือนนั้นอาจอยู่บนความแตกต่างกัน เมื่อนั่งคิดและสำรวจตัวเราเองแล้ว สิ่งที่เห็นว่าตนเองมีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากตัวคนเดิมที่เคยเป็นมา นั่นคือ..."การเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง + ความแข็งแกร่ง + ความกล้าแสดงความคิดเห็น + การกล้าที่จะแสดงออก + "การได้รับประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น" + การได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเพิ่มขึ้น" (แต่ความรู้ที่ไม่เคยรู้อีกในอนาคตก็ต้องเรียนรู้อีกต่อไป เป็นเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต)...อาจเป็นเพราะตัวผู้เขียนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความคิดอ่านมากขึ้นหรือที่เรียกว่า "มีประสบการณ์มากขึ้น" นั่นเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในตัวของผู้เขียนเองในระยะที่ผ่านมานี้ ทำให้ผู้เขียนมองโลกในทางที่ดีเสมอต่อการดำรงชีวิต + การทำงาน เรียกง่าย ๆ ว่า "มองโลกในแง่บวก" มองทุก ๆ คน เป็นคนดี เป็นมิตรที่ดีเสมอ...(อาจเป็นเพราะผู้เขียนเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องบุคคลก็ว่าได้ เนื่องจากงานบุคคลนั้น ถ้าตัวเราไม่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเองแล้วละก็...ก็สามารถตัดไปได้เลย เพราะเรื่องงานบุคคลที่ตัวเราได้ปฏิบัติจริง ๆ นั้น จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบความมีคุณธรรม + การรักษาสิทธิประโยชน์ การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในองค์กรและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด...ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ บุคคลที่ได้ทำงานเกี่ยวกับงานบุคคลจะประพฤติ - ปฏิบัติอย่างไรแล้วล่ะ... และการนำหลักธรรม + คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเอง กับครอบครัว กับคนรอบข้างและเพื่อนร่วมงานตลอดเวลา เพราะในความคิดของผู้เขียนแล้วมีความคิดเห็นว่า "สังคมที่เราอยู่วุ่นวายกันในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะเรื่องการไม่ได้นำหลักธรรม คำสั่งสอน ฯ มาปฏิบัตินั่นเอง" บางคนก็หลงลืมไปว่า...หลักธรรมนั้นสามารถนำมาปรับและประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินชีวิตของตัวเราเองได้...เพียงแต่ไม่ทำกันเท่านั้นเอง...บางครั้ง บางคน รู้กระทั่งรู้ แต่ก็ไม่ทำ จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อคนเรานำหลักธรรมมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของตัวเรา นั่นคือ "การเห็นแจ้ง การเห็นความจริง" เห็นเรื่อง "สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์จริง ๆ"...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องการที่ตัวเรามาจาก ณ จุดเริ่มต้น เมื่อขึ้นมายังตำแหน่งที่สูงสุด สักวันหนึ่งเราก็ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น คือ ออกจากงานหรือเกษียณอายุราชการ...หรือการที่เราได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหนึ่งตัวเราก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมที่ได้จากมา...ฯลฯ เป็นแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...มันผ่านไปกับกาลเวลา ซึ่งเป็นเรื่องของ "สัจธรรม...ความจริง" นั่นเอง สำหรับคำว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"... ว่าแต่ว่า..."ใครจะนำหลักธรรมไปปฏิบัติได้มากกว่ากัน โดยจะทำให้สังคมของการทำงานวุ่นวายได้น้อยลง...

 สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สูงสุดคืนสู่สามัญ คือ สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ สำหรับคำ ๆ นี้ ถ้าเป็นสมัยก่อน ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนจะไม่คิดเลย เรียกว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ แต่มาณ ปัจจุบันนี้ ผู้เขียนเิริ่มได้คิดและมองย้อนกลับไปยังในอดีต ไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเราได้จากมา เช่น บ้านเดิม ชุมชนเดิม ท้องถิ่นเดิม ๆ อาจหมายถึงว่า  "ผู้เขียนเริ่มมีอายุมากขึ้น ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเองทำให้กับตัวของเราได้สะสมสิ่งนั้นเพิ่มมากขึ้น"   ก็ว่าได้ จึงทำให้ผู้เขียนมีความคิดและมองย้อนกลับไปยังจุดที่ตัวเราเริ่มต้นเดินทางมา... คิดแล้ว ผู้เขียนมองเห็นว่า  "ตัวเราเดินทางมาไกลมาก ไกลจากจุดเริ่มต้นและระหว่างทางที่ผ่านมานั้น มีทั้งความสุข - ความทุกข์ ความสำเร็จ ปัญหา - อุปสรรคนานัปการ" ...แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจกับใจตัวเอง นั่นคือ... "ตัวเราเองสามารถทำได้ + แก้ไขปัญหา - อุปสรรคนั้นได้สำเร็จด้วยตัวเราเอง + ครอบครัวของผู้เีขียนเอง"  เป็นเรื่องที่บางเ