บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2022

มั้ง

  มั้ง

https://www.facebook.com/groups/1096289093772666/

 https://www.facebook.com/groups/1096289093772666/

เวียนเทียนวันมาฆบูชา

  เวียนเทียนวันมาฆบูชา

ธรรมะวันมาฆบูชา

  ธรรมะวันมาฆบูชา

นิสสัมมะ กรณัง เสยโย

  นิสสัมมะ กรณัง เสยโย

ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำดีกว่า

  ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำดีกว่า

ไทย 5

  ไทย 5

มาฆบูชา...โอวาทปาฏิโมกข์ วันมาฆบูชา ถือว่า เป็นวันที่มีความสำคัญอย่างมาก สำหรับพวกเราชาวพุทธ เพราะ เป็นวันที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงหลักธรรม อันมีความสำคัญอย่างมาก คือ "โอวาทปาฏิโมกข์ 3" *************** โอวาทปาฏิโมกข์ 3 เป็นหลักปฏิบัติ เพื่อความพ้นทุกข์ หรือ ดับทุกข์ โอวาทปาฏิโมกข์ 3 เป็นแก่นแกนของหลักธรรมทั้งหลาย ถือว่า “เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา” โอวาทปาฏิโมกข์ 3 ประกอบด้วย 1.การไม่ทำบาปทั้งปวง (สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง) 2.การทำกุศลให้ถึงพร้อม (กุสะลัสสูปะสัมปะทา) 3.การทำจิตใจให้บริสุทธิ์ (สะจิตตะปะริโยทะปะนัง) *************** เพราะว่า “สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม (กมฺมุนา วตฺตตีโลโก)” กรรมดี หรือ กุศลกรรม มีผลเป็น วิบากกรรมดี หรือ กุศลวิบาก คือ การได้รับ หรือ การได้ประสบกับ “สิ่งที่ดีๆทั้งหลาย” (ทำให้เป็นสุข) กรรมไม่ดี หรือ อกุศลกรรม มีผลเป็น วิบากกรรมไม่ดี หรือ อกุศลวิบาก คือ การได้รับ หรือ การได้ประสบกับ “สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย” (ทำให้เป็นทุกข์) กิเลส ตัณหา และอุปาทาน ที่ครอบงำจิตใจของคนเราอยู่ คือสิ่งชักนำจิตใจของคนเรา ให้คนเรา “ทำกรรมไม่ดี หรือ อกุศลกรรม” โดยมี “โลกียสุข” เป็นเหยื่อล่อ (เป็นอกุศลมูล) ดังนั้น ถ้าพวกเราต้องการจะพ้นทุกข์ หรือ ดับทุกข์ พวกเราต้องปฏิบัติตาม “โอวาทปาฏิโมกข์ 3” ทั้ง 3 ข้อ คือ 1. ไม่ทำบาปอกุศลทั้งปวง ทั้งทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ หมายถึง ไม่สร้างอกุศลวิบาก หรือ วิบากกรรมที่ไม่ดี มาเติมเพิ่มให้กับชีวิต 2. ทำกุศลให้ถึงพร้อม ทั้งทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ หมายถึง หมั่นสร้างกุศลวิบาก หรือ วิบากกรรมดี มาเติมเพิ่มให้กับชีวิต 3. ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หมายถึง หมั่นชำระล้าง กิเลส ตัณหา และ อุปาทาน ซึ่งเป็นอกุศลมูล หรือ มูลเหตุของอกุศล ออกไปจากจิตใจ ให้หมดสิ้น เพื่อทำให้จิตใจ สะอาดบริสุทธิ์ *************** การปฏิบัติธรรม เพื่อความพ้นทุกข์ หรือ ดับทุกข์ คือ การปฏิบัติตาม “โอวาทปาฏิโมกข์ 3” โดยใช้ “มรรคมีองค์ ๘” เป็นแนวทางในการปฏิบัติ และใช้ “ศีล สมาธิ และ ปัญญา (ไตรสิกขา)” ขับเคลื่อน *************** อกุศลมูล[อะกุสนละมูน] หมายถึง น. รากเหง้าแห่งความชั่ว มี ๓ อย่าง คือ โลภะ โทสะ โมหะ (พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน) ชาญ คำพิมูล 16/2/2565 วันมาฆบูชา

รูปภาพ
   มาฆบูชา...โอวาทปาฏิโมกข์ วันมาฆบูชา  ถือว่า เป็นวันที่มีความสำคัญอย่างมาก สำหรับพวกเราชาวพุทธ   เพราะ เป็นวันที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงหลักธรรม อันมีความสำคัญอย่างมาก คือ  "โอวาทปาฏิโมกข์ 3"   ***************   โอวาทปาฏิโมกข์ 3  เป็นหลักปฏิบัติ เพื่อความพ้นทุกข์ หรือ ดับทุกข์   โอวาทปาฏิโมกข์ 3  เป็นแก่นแกนของหลักธรรมทั้งหลาย ถือว่า  “เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา”   โอวาทปาฏิโมกข์ 3  ประกอบด้วย   1. การไม่ทำบาปทั้งปวง   ( สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง )    2. การทำกุศลให้ถึงพร้อม   ( กุสะลัสสูปะสัมปะทา )   3. การทำจิตใจให้บริสุทธิ์   (สะจิตตะปะริโยทะปะนัง)   ***************   เพราะว่า   “ สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม (กมฺมุนา วตฺตตีโลโก) ”   กรรมดี หรือ กุศลกรรม  มีผลเป็น  วิบากกรรมดี หรือ กุศลวิบาก  คือ การได้รับ หรือ การได้ประสบกับ “สิ่งที่ดีๆทั้งหลาย” (ทำให้เป็นสุข)   กรรมไม่ดี หรือ อกุศลกรรม  มีผลเป็น  วิบากกรรมไม่ดี หรือ อกุศลวิบาก  คือ การได้รับ หรือ การได้ประสบกับ “สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย” (ทำให้เป็นทุกข์)   กิเลส ตัณหา และอุปาทาน ที่ครอบงำจิตใจของคนเราอยู่  คือสิ่งชักนำจิตใจของคนเรา ใ

วันมาฆบูชา

 วันมาฆบูชา

ราชาธรรม

 พระพุทธเจ้า

https://obobkrab.wixsite.com/phuddsasna/post/__ครบ

 https://obobkrab.wixsite.com/phuddsasna/post/__ครบ

ครบ

 ครบ

ถึงจุดสุดท้าย

 ถึงจุดสุดท้าย

ถึงจุดสุดยอด

 ถึงจุดสุดยอด

https://obobkrab.wixsite.com/phuddsasna/post/จบซักที

 https://obobkrab.wixsite.com/phuddsasna/post/จบซักที

จบซักที พระพุทธศาสนา

  จบซักที พระพุทธศาสนา

จบซักที

 ศาสนาพุทธ

“มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดาธรรมชาติ มีการพลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย อันนี้เป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริงซึ่งมีกันทุกคน ตราบใดที่ยังมีความเกิดก็ต้องมีความตาย คนเราเกิดมาก็เพื่อที่จะมาสร้างบารมีให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก็คือไม่ต้องกลับมาเกิดกัน เราดำเนินได้เท่าไหร่แล้ว เราแก้ไขตัวเราได้เท่าไหร่แล้ว เราก็พยายามกัน โลกนี้เหมือนกับโรงละคร เล่นบทแต่ละบทสารพัดอย่าง บททุกข์ บทโศก บทรัก บทเศร้า คละเคล้ากันไป ถึงเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ทีนี้ใจของเราคลายจากความยึดมั่นถือมั่นแล้วหรือยัง ใจของเรายังเป็นทุกข์อยู่กับความโลภความโกรธความหลงอยู่หรือไม่” พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย) โอวาทธรรมยามเช้า 11 มิถุนายน 2562

  “มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดาธรรมชาติ มีการพลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย อันนี้เป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริงซึ่งมีกันทุกคน ตราบใดที่ยังมีความเกิดก็ต้องมีความตาย คนเราเกิดมาก็เพื่อที่จะมาสร้างบารมีให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก็คือไม่ต้องกลับมาเกิดกัน เราดำเนินได้เท่าไหร่แล้ว เราแก้ไขตัวเราได้เท่าไหร่แล้ว เราก็พยายามกัน โลกนี้เหมือนกับโรงละคร เล่นบทแต่ละบทสารพัดอย่าง บททุกข์ บทโศก บทรัก บทเศร้า คละเคล้ากันไป ถึงเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ทีนี้ใจของเราคลายจากความยึดมั่นถือมั่นแล้วหรือยัง ใจของเรายังเป็นทุกข์อยู่กับความโลภความโกรธความหลงอยู่หรือไม่” พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย) โอวาทธรรมยามเช้า 11 มิถุนายน 2562

“มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดาธรรมชาติ มีการพลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย อันนี้เป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริงซึ่งมีกันทุกคน ตราบใดที่ยังมีความเกิดก็ต้องมีความตาย คนเราเกิดมาก็เพื่อที่จะมาสร้างบารมีให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก็คือไม่ต้องกลับมาเกิดกัน เราดำเนินได้เท่าไหร่แล้ว เราแก้ไขตัวเราได้เท่าไหร่แล้ว เราก็พยายามกัน โลกนี้เหมือนกับโรงละคร เล่นบทแต่ละบทสารพัดอย่าง บททุกข์ บทโศก บทรัก บทเศร้า คละเคล้ากันไป ถึงเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ทีนี้ใจของเราคลายจากความยึดมั่นถือมั่นแล้วหรือยัง ใจของเรายังเป็นทุกข์อยู่กับความโลภความโกรธความหลงอยู่หรือไม่” พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย) โอวาทธรรมยามเช้า 11 มิถุนายน 2562

  “มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดาธรรมชาติ มีการพลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย อันนี้เป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริงซึ่งมีกันทุกคน ตราบใดที่ยังมีความเกิดก็ต้องมีความตาย คนเราเกิดมาก็เพื่อที่จะมาสร้างบารมีให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก็คือไม่ต้องกลับมาเกิดกัน เราดำเนินได้เท่าไหร่แล้ว เราแก้ไขตัวเราได้เท่าไหร่แล้ว เราก็พยายามกัน โลกนี้เหมือนกับโรงละคร เล่นบทแต่ละบทสารพัดอย่าง บททุกข์ บทโศก บทรัก บทเศร้า คละเคล้ากันไป ถึงเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ทีนี้ใจของเราคลายจากความยึดมั่นถือมั่นแล้วหรือยัง ใจของเรายังเป็นทุกข์อยู่กับความโลภความโกรธความหลงอยู่หรือไม่” พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย) โอวาทธรรมยามเช้า 11 มิถุนายน 2562

สูง

 สูง

ธรรม

 ธรรม

นิพพาน

 นิพพาน

ดี

 ดี

https://obobkrab.wixsite.com/phuddsasna

   https://obobkrab.wixsite.com/phuddsasna

ใช้ความรู้สึกอยู่

 ใช่ความรู้สึกอยู่

เวป

 https://obobkrab.wixsite.com/phuddsasna

https://obobkrab.wixsite.com/phuddsasna

 https://obobkrab.wixsite.com/phuddsasna

https://obobkrab.wixsite.com/phuddsasna

 https://obobkrab.wixsite.com/phuddsasna

ไม่รู้หรอกทางข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ถ้าไม่ก้าวออกไปก็อยู่ที่เดิม

  ไม่รู้หรอกทางข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ถ้าไม่ก้าวออกไปก็อยู่ที่เดิม

ยินดี แช็ต 11/26/2021, 9:33 AM https://youtu.be/XwYs2Q6S34w Nantawut Akkarasantatikul ส่งแบบฟอร์มผ่านกล่องแช็ตแล้ว ธรรมเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ที่ใดมีธรรม ที่นั้นมีความสงบ ร่มเย็น เราทุกคนควรกราบไหว้นำไป ปฏิบัติ ทำแต่ สิ่งดีๆ คิดแต่สิ่งดีๆ พูดแต่สิ่งที่ดี เป็นศิริมงคล พวกเราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข นะค่ะทุกท่าน Form Submitted via Chat NAME นันทวุฒิ EMAIL ่jackyc_9-9@hotmail.com MESSAGE สวัสดี Wix Chat หนังสืออินทร์ตก-พุทธทำนาย p5 หนังสือพุทธทำนาย ข้อความจาก ปู่ฤษีมณีรัตน์ (สัมเด็ดรุ่ง) ค้นพบ “หนังสืออินตก-เทพทำนาย” โดยย่อ หนังสือ ใบลานสีได้ ถูกตกมาในวัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอัตตะบือ (ประเทศลาว) ข้าพเจ้าได้รับรู้จากพระอาจารย์ผู้ทรงศีลองค์หนึ่งเผยแพร่ให้ เลยเกิดความศรัทธาเสียสละทรัพย์พิมพ์แจกจ่าย มายังพี่น้องชาวพุทธทั้งหลาย เพื่อเป็นกุศล และเพื่อพิจารณาด้วยตนเองถึงเหตุการณ์มหันตภัยของ โลกยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งจะบังเกิดขึ้นตามพระพุทธทำนายไว้ ดังนี้ โลชังชม โทโพโส อินโตกรุณา พระอินทร์ พระพรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่า ถ้าบุคคลใดได้รู้แล้ว จงรีบบอกให้คนอื่นฟัง หรือพิมพ์แจกจ่ายจะเกิดมหากุศลช่วยให้ท่านหลุดพ้นจากมหันตภัยพิบัติทั้งปวง ถ้าบุคคลจะลงมาเกิดพร้อมหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าใครไม่มีไว้ในบ้านเรือนจะมีภูตผีปีศาจเข้ามาทำลายอย่างแน่แท้ ในปีจอถึงปีกุน เมื่อเดือนหงายจะมีงูพิษอยู่บนศีรษะ ฉกกัดให้ถึงตาย และผู้คนทั้งหลายจะเกิดความเดือดร้อนหลายประการ ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนศึกสงครามบ่แล้ว ทุกข์ยากฮ้อน ย้อน้ำและไฟ ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มีไผสิเบิงไผ ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนอึดข้าวปลาอาหาร ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนผัว-บ่เห็นหน้ากัน ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนมีคนตายตามทุ่งนา ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มีผู้เฒ่า ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไปต่างประเทศบ่สะดวก ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนนอนบ่หลับ ใน ปีจอนี้ ในเมืองจันทร์จะมีฤษีองค์ทองดำ สิกขาลาเพศออกมาเป็นพ่อค้า ใน ปี จอ ขึ้น 8 ค่ำ ห้ามบ่ให้ตักน้ำอาบ น้ำกิน ตามห้วยหนองคลองบึงหลังพระอาทิตย์ตกดิน(ก่อนค่ำ) พระยายมราชจะนำเอายาพิษพ่นใส่โลกมนุษย์ ในปีจอนี้ เมืองกรุงเทพ จะแตกพ้นทลายตอนเวลาไก่ขัน พระแก้วมรกต หัวเชียงเมี้ยงข้าวเม็ดใหญ่จะกลับสู่เวียงจันทร์ นี่คือ พระคาถาขององค์อินทร์ พรหม ยมราชได้เขียนไว้ในใบลาน จงเก็บรักษาไว้ให้ดีในยามเกิดเหตุการณ์มหันตภัย พระคาถา เขียนไว้ว่า ปะ โต เมตัง ประระชีมินัง สุคะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นิมะมัง สุคะโต จุติ พระคาถาบทนี้เขียนลงในใบลาน แผ่นทองหรือแผ่นผ้าก็ดี ติดไว้ที่ประตูบ้านหรือในรถ หรือโพกศีรษะยามเกิดเหตุการณ์จะช่วยให้หลุดพ้นจากภัยอันตราย ในการละ เวลานี้ เทพเจ้าละเทวดาผู้รักษาคุ้มครองโลกได้กราบทูลต่อพระอินทร์ว่ามนุษย์โลกทำ กุศลเพียง 3 ส่วน และทำบาปกรรมถึง 7 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้องค์อินทร์จะสั่งลงโทษผู้ใจบาปถึง 9 ข้อ นับตั้งแต่ ปีจอ ถึง ปีกุน ดังนี้ 1. จะเกิดพายุลมแรง แผ่นดินไหว 2. จะเกิดอัคคีภัย 3. จะเกิดอุทกภัย 4. จะเกิดฟ้าผ่า 5. จะเกิดร้อนเกินไป หนาวเกินไป 6. จะเกิดสารพิษต่างๆ 7. จะเกิดกาฬโรค 8. จะเกิดข้าวยากหมากแพง 9. จะเกิดฆาตพยาบาทเบียดเบียนกันเอง มหันตภัย 9 อย่างนี้จะหลุดพ้นได้โดยเฉพาะผู้มีบุญ คนที่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น รู้แล้วจงบอกต่อให้ทำความดีกันมากๆ ถ้าเลยปีจอ ปีกุล ไปแล้วทุกคนพร้อมลูกหลานจะได้รับความสุข สบายใจทุกคน ให้ทุกคนเคร่งครัดในศีล 5 นอกจากหนังสืออินตก ที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีพระผู้ทรงศีลอีกองค์หนึ่ง ได้พบเห็นคำสอนที่จารึกไว้ในแผ่นศิลาที่พึ่งพบในภูเขาแห่งหนึ่งที่ พระพุทธเจ้าได้เดินธุดงค์วิปัสสนากรรมฐานผ่านไป พระผู้ทรงศีลกล่าวว่า พี่น้องทั้งหลายถ้าไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ดวงจิต เพราะ ถึงเวลาแล้วที่สวรรค์จะไม่มีความลับ ถ้าท่านเชื่อก็เป็นกุศล รู้เพียงเท่านี้ข้าพเจ้าจึงขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำกล่าวของพระผู้ทรงศีล รูปนี้ว่า ในแผ่นศิลาได้เขียนไว้ดดยพระมหากัสสะปะว่าในปีระกา ปีจอ ปีกุน เดือน 7-8 จะเกิดเหตุการณ์ร้ายตามถนนหนทางในเดือน 9-10 คนใจบาปจะถูกล้างผลาญให้หมดไป มีบ้านแต่ไม่มีคนอยู่ มีข้าวแต่ไม่มีคนกิน มีทางแต่ไม่มีคนเดิน สุดท้าย พระผู้ทรงศีลได้กล่าวย้ำถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหนังสืออินตกเพิ่มเติมว่า ถ้าท่านผู้เคารพบูชาหรือบ่นว่าจะบอกแก่ผู้อื่น ท่านปรารถนาสิ่งใดจะได้สมใจนึก w11w1w44w5 พระพุทธเจ้าทำนาย ออกจากศิลาจารึกใน มหาวิหารเจตมหาเชตวัน ณ สวนมฤคทยายวัน ประเทศอินเดียโดยคณะทูตไทยที่อัญเชิญรพะบรมสารีริกธาตุ เมื่อปี พ.ศ. 2485 ตามคำแปลเป็นภาษาไทย ว่าดังนี้ สาธุอะหังตา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตากรุณาสรรพสัตว์ทั่วโลก ที่เกิดมาแต่ลำบาก ทั่วหน้า ทั่วชาติ ทุกศาสนาตามธรรมชาติ เมื่ออาตมาเข้านิพพานไปแล้วครบห้าพันปีเป็นที่สุด โลกจะหมุนไปใกล้ถึงจำนวนที่ ตถาคตทำนายไว้ 2500 ปี มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติเสียหายครั้งหนึ่งใน ระยะ 30 ปี สิ่งที่สาธุชนไม่เคยเจอจะได้เห็น ไม่เคยพบจะได้พบยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับกลับตื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งนัก ใกล้กับ พ.ศ. 2550 ยิ่งทวีกันใหญ่ขึ้นทุกทิวาราตรี มนุษย์นอกศาสนาจะรบราฆ่าฟันกันจนถึงเลือดนองเต็มพื้นดิน พื้นน้ำจะลุกลามเผามนุษย์ไม่ขาดระยะ ต่างฝ่ายต่างทำลายเหมือนยักษ์ กระหายเลือด แผ่นดินจะเป็นเปลวไฟจะตายไปอย่างละครึ่งหนึ่งจึงจะล้มเลิก ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกัน ตามวิสัยยักษ์ร้าย นอกศาสนาฃึ่งถือกำเนิดจากป่าอำมหิต w99w98w96w82w55w22 ส่วนพุทธศาสนิกชน ผู้ทำแต่บุญเดินตามทางตถาคตสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดได้บูชาพระโพธิสัตว์ผ้ากาวสวพัตร์ ก็จะรับภัยพิบัติเบาบาง แต่หนีภัยธรรมชาติไม่พ้น ไฟจะลุกลามมาทางทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมณะชีพราหมณ์ จะอดอยากยากเข็น ลูกไฟจะตกจากฟากฟ้า เหล็กกล่าจุผุดจากน้ำ สงครามจะเกิดทั่วทิศ พระยานาคจะพ่นพิษเป็นเพลง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวสารจะขาดแคลน ทุกแคว้นจะอดอยาก พลูหมากหมดเปลือง สีเหลืองจะชนะ พระยังอยู่คู่เมืองอีกต่อไป สีขาวจะแพ้ภัยในที่สุด ครุฑจะบินกลับฐาน คนจะกลับบำรุงพระพุทธเจ้าว่าดังนี้ ชา ตะ มะ สะ ละ วา พระพุทธชินลิตนี้ท่านให้เชียนใส่กระดาษ หรือผ้าขาวติดไว้หน้าบ้าน หรือหัวนอน ดังนี้ จะมีอายุยืนยาว จะทันผู้มีบุญชื่อ พระยาธรรมิกราชา เมื่อแรกสถิตอยู่เขตอยุธยา บัดนี้ท่านเสด็จอยู่ลานช้าง (ภาคอีสานปัจจุบัน) พระยาธรรมิกราชา เข้ามาปีกุน เดือน 11 เป็นเที่ยงแท้นักหนาท่านเสด็จมาในปีระกา แรม 5 ค่ำมหากษัตริย์มาทางทิศตะวันตก สมณะชีพราหมณ์ตามมาพอประมานได้ 76400 รูป ทั่วอาณาจักร สมเด็จพระบรมนักปราชญ์ได้ประกาศ คาถาว่าดังนี้ นะสัจจังทะ คะยังมะสาคำปัง คอยดูในปีมะโรง คนจะเดินโก่งโคง คลาน ผู้ใดอยากพบผู้มีบุญ ชื่อ พระยาธรรมมิกราชให้ภาวนา ให้หมั่น รักษาศีล สดับรับฟังพระธรรมเทศนา คอยดูปีมะเส็งตลิ่งจะพัง มหาสมุทรจะชอกช้ำ อย่าเที่ยวไปกลางแจ้ง ท่านเข้ามาในปีกุน เดือน 8 เป็นเที่ยงแม้ ผู้ใดไม่เฃื่อจะได้รับอันตราย คอยดูในปีจอ คนจะพ้นภัย สะโรนะกา โททายะโม พุทธตะยะ ภาวนาทุกค่ำเช้า ผู้นั้นจะมีอายุยืนนานจะได้เห็น พระยาธรรมิกราช(พระโพธิสัตว์ศรีอริเมตไตย) ในปีกุน ท่านจะเข้ามาอีก ถ้าไม่เห็นหนังสือบ้านใด ผู้นั้นจะได้รับอันตรายรู้แล้วให้บอกต่อกันด้วย คำเตือนดลกมนุษย์กำลัง จะเช้าสู่กาลียุค จะทำให้เกิดภัยธรรมชาติจากดิน น้ำ ลม ไฟ จะเกิดมหาสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามมา มนุษย์จะตายไปกว่าครึ่ง สำหรับ ประเทศไทย จะเริ่มเกิดตั้งแต่ ปี 2550 คาดว่าจะได้รับภัยทางน้ำแล้วไฟโดยเฉพาะจังหวัดที่ติดชายทำเลและกรุงเทพ แผ่นดินจะยุบตัวคลื่นน้ำจะพัดเข้าถล่มความสูง 200 เมตร มนุษย์จะล้มตายมากกว่าครึ่ง น้ำจะเข้าช่องแคบสระบุรี และด้านตอนล่างของโคราชบางส่วน ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ สุดท้ายประเทศไทยจะเหลือประชากรประมาณ 30 % ส่วนประเทศอื่นๆทั่วโลก จะเหลือเพียง 10 % บุคคลที่รอดชีวิตส่วนมากก็สูญเสียสติสัมปชัญญะ ไม่ปลอดภัยเหมือนเมืองที่นับถือศาสนาพุทธเพราะไม่เข้าใจบำเพ็ญภาวนา ฉะนั้นอย่าหลงใหลในทรัพย์สินของตนเองให้มากนักเพราะเมื่อเข้ายุคศิวิไล เงิน ทอง จะไม่มีค่าเลยเพราะมนุษย์ยุคนั้นวัดกันที่ความดี ศีลธรรม บุญกุศลเท่านั้น ปีมะโรง พ.ศ. 2555 ปีมะเส็ง พ.ศ. 2556 ปีระกา พ.ศ. 2560 พ.ศ.2516 ปีกุน พ.ศ. 2562 p1 คำทำนายสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) รัชกาลที่ 1 ทายว่า มหากาฬ (ทำลายเพื่อน พี่น้อง) รัชกาลที่ 2 ทายว่า ณาณยักษ์ (ชำนาญเวทมนต์) รัชกาลที่ 3 ทายว่า รักมิตร (มีการค้าขายกับต่างชาติมากมาย) รัชกาลที่ 4 ทายว่า สนิทคำ (ออกบวช) รัชกาลที่ 5 ทายว่า จำเขนขาด (ยอมเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงและเขมร เพื่อป้องกันอธิปไตย) รัชกาลที่ 6 ทายว่า ราชโจร (เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดกลุ่มโจรมากมาย มีการตั้งกองเสือป่าครั้งแรกในเมืองไทย) รัชกาลที่ 7 ทายว่า ชนร้อนทุกข์ (เกิดการเดินขบวนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย) รัชกาลที่ 8 ทายว่า ยุคทมิฬ (พระเจ้าแผ่นดินถูกลอบปลงพระชนม์) รัชกาลที่ 9 ทายว่า ถิ่นกาขาว (มีฝรั่งเข้ามามากมาย นำเงินมาซื้อประเทศไทย เกิดวิกฤตการเงิน) รัชกาลที่ 10 ทายว่า ชาวศิวิไลย์ (จะมีเหลือแต่เฉพาะผู้มีบุญเท่านั้นที่รอดคอย เป็นยุคของพระศรีอาริยเมตไตย) p45 คาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วระลึกถึงหลวงปู่โตและตั้งคำอธิษฐานแล้วเริ่มสวด เริ่มสวด นโม 3 จบ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐาน ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตังสุตตะวา อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ เริ่มบทพระคาถาชินบัญชร ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา. ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเกเต มุนิสสะรา. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร. หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก. เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว กุมาระกัสสโป เถโร มะเหสี จิตตะ วาทะโก โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิคุณากะโร. ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ อุปาลี นันทะ สีวะลี เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ. เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา. ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา ชินา นานาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะ ลังกะตา วาตะปิตตาทะสัญชาตา พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา. อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา. อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ. คำแปล พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ อริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ มี ๒๘ พระองค์คือ พระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกรเป็นต้น พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่ พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ p2 พระคาถาบูชาพ่อ ร.5 (ธุป 9 ดอก ตั้งนะโม 3 จบ) พระสยามมิน ทะโร วโน อัตตัง พุทธะสังมิ อิติ อรหัง วะรังพุธโ นะโมพุทธายะ ปิโยเทวา มนุสานัง ปิโยพรหมานะ ปินัน หริยัง นะมามิหัง ปรินิพพานที่นี่เดี๋ยวนี้ Nantawut Akkarasantatikul Phuddsasna ได้ส่งข้อความใหม่ถึงคุณ ไม่เกิดไม่ดับ อีเมล 12/10/2021, 6:23 AM ในพระวินัยปิฎกมีบันทึกว่า ศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์มีอายุไม่เท่ากัน บางพระองค์ศาสนาพุทธมีอายุสั้น บางพระองค์ศาสนาพุทธมีอายุยืน สาเหตุที่ศาสนาพุทธแต่ละยุคมีอายุไม่เท่ากันก็เพราะ บางยุค “มี” กับ บางยุค “ไม่มี” การบัญญัติพระธรรมวินัย ยุคที่ศาสนาพุทธอายุสั้นนั้น พระบรมศาสดาไม่ได้บัญญัติพระธรรมวินัยไว้ เมื่อสิ้นพระองค์แล้ว หมู่สงฆ์ไม่มีพระธรรมวินัยไว้สืบทอดศาสนาในฐานะเป็นตัวแทนพระบรมศาสดา ศาสนาพุทธจึงสิ้นสุดลงทันที ส่วนยุคที่ศาสนาพุทธอายุยืนนั้น พระบรมศาสดาทรงบัญญัติพระธรรมวินัยไว้ขณะยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ เมื่อสิ้นพระองค์แล้ว หมู่สงฆ์ย่อมมีพระธรรมวินัยไว้เป็นตัวแทนพระพุทธองค์ ทำให้เมื่อมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้น ก็ยังสามารถอาศัยพระธรรมวินัยคลี่คลายแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ตามแนวทางที่พระพุทธองค์วางไว้ ศาสนาพุทธจึงได้รับการสืบทอดจากหมู่สงฆ์รุ่นหลังต่อไปได้อีกนานนับพันปีหมื่นปี สาเหตุที่ทำให้พระธรรมวินัยสามารถเป็นตัวแทนของพระบรมศาสดาก็เพราะว่า 1. ปัญหาต่างๆ ที่มีปรากฏอยู่ในพระธรรมวินัยนั้น พระบรมศาสดาทรงได้ตรัสแสดงหลักการและวิธีการคลอบคลุมทุกๆ ปัญหาทั้งหมดไว้ล่วงหน้าเป็นพันๆ ปี แล้ว 2. พระธรรมวินัยเป็นคำสอนที่สมบูรณ์ดีแล้ว โดยในช่วงใกล้ปรินิพพานนั้น พระองค์ได้ตรัสถามย้ำว่ามีผู้ใดสงสัยในคำสอนของเราหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มี เมื่อไม่มีเท่ากับการเทศน์สอนของพระองค์เสร็จสมบูรณ์แล้ว พระองค์จึงไม่ทรงแต่งตั้งบุคคลอื่น แต่ทรงแต่งตั้งพระธรรมวินัยไว้เป็นศาสดาแก้ไขปัญหาต่างๆ ในภายหน้าแทนพระองค์ 3. พระบรมศาสดาฝากพรธรรมวินัยไว้กับหมู่สงฆ์ โดยกำหนดว่าหมู่สงฆ์คือผู้รับช่วงต่อทำหน้าที่ดำรงรักษาพระธรรมวินัยไว้ให้มั่นคง อย่าให้อันตรธานหายไปในยุคหน้าของตน จากหลักฐานที่บันทึกในพระวินัยปิฎกนี้เอง ทำให้ได้ข้อสรุปว่า 1. พระธรรมวินัย คือหัวใจของพระบรมศาสดา ซึ่งเป็นทั้งหมดของการสืบอายุพระพุทธศาสนา 2. ความสั้นยาวของพระพุทธศาสนานั้นขึ้นอยู่กับหมู่สงฆ์ยังคงดำรงรักษาพระธรรมวินัยไว้เป็นตัวแทนพระบรมศาสดาหรือไม่ 3. หากหมู่สงฆ์ทอดทิ้งพระธรรมวินัย ศาสนาพุทธก็อายุสั้น หากหมู่สงฆ์รักษาพระธรรมวินัย ศาสนาพุทธย่อมอายุยืน นี่เป็นหลักการง่ายๆ ที่ชัดเจนตรงไปตรงมา 4. การทอดทิ้งพระธรรมวินัย ก็คือการทอดทิ้งพระบรมศาสดา ย่อมเท่ากับเป็นการทอดทิ้งพระพุทธศาสนาด้วย นั่นเท่ากับว่าพระพุทธศาสนาถึงกาลล่มสลายแล้ว ไม่มีหมู่สงฆ์ดำรงรักษาพระธรรมวินัยของพระบรมศาสดาเหลืออยู่แล้ว 5. การรักษาพระธรรมวินัย ก็คือการรักษาพระบรมศาสดา ย่อมเป็นการรักษาพระพุทธศาสนา นั่นเท่ากับว่ายังมีหมู่สงฆ์ที่มีความมั่นคงในศรัทธาต่อพระบรมศาสดา ทุ่มเทชีวิตจิตใจทำงานสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อไป ไม่ยอมให้พระพุทธศาสนาสูญสิ้นไปในยุคของตน 6. เมื่อยังมีหมู่สงฆ์ที่ดำรงมั่นในพระธรรมวินัยเป็นใหญ่ ทำหน้าที่สืบอายุพระพุทธศาสนาต่อไป ก็ไม่มีใครต้องตั้งคำถามแบบรำพึงขึ้นว่า "ฤาจะถึงกาลสิ้นยุคเถรวาท" อีกต่อไป -------------------------- 30 พ.ย. 2564 23.22 น. 12/19/2021, 4:18 PM image.png เมื่อไหร่จะส่งกลับ 12/24/2021, 7:50 AM image.png Jan 2, 7:44 PM 957 ม.27 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000 โทร.0949039562 ข้อความ ผมทำเวปพระพุทธศาสนานี้ขึ้น เพื่อบูชาคุณพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ผู้ใดมีอะไรที่จะติดต่อ ติดต่อผมได้ครับ Jan 6, 9:08 PM ดี นิพพาน ธรรม สูง Jan 17, 6:44 AM Nantawut Akkarasantatikul Phuddsasna ได้ส่งข้อความใหม่ถึงคุณ ดีแล้วๆทำต่อไป อีเมล ส่งข้อความไม่สำเร็จ 6:57 AM ดี นิพพาน ธรรม สูง Nantawut Akkarasantatikul Phuddsasna ได้ส่งข้อความใหม่ถึงคุณ ไม่เกิดไม่ดับ อีเมล ส่งข้อความไม่สำเร็จ ข้อความใหม่ ธรรม สูง ดี นิพพาน

รูปภาพ
  ยินดี แช็ต 11/26/2021, 9:33 AM https://youtu.be/XwYs2Q6S34w Nantawut Akkarasantatikul ส่งแบบฟอร์มผ่านกล่องแช็ตแล้ว ธรรมเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ที่ใดมีธรรม ที่นั้นมีความสงบ ร่มเย็น เราทุกคนควรกราบไหว้นำไป ปฏิบัติ ทำแต่ สิ่งดีๆ คิดแต่สิ่งดีๆ พูดแต่สิ่งที่ดี เป็นศิริมงคล พวกเราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข นะค่ะทุกท่าน Form Submitted via Chat NAME นันทวุฒิ EMAIL ่jackyc_9-9@hotmail.com MESSAGE สวัสดี Wix Chat หนังสืออินทร์ตก-พุทธทำนาย p5 หนังสือพุทธทำนาย ข้อความจาก ปู่ฤษีมณีรัตน์ (สัมเด็ดรุ่ง) ค้นพบ “หนังสืออินตก-เทพทำนาย” โดยย่อ หนังสือ ใบลานสีได้ ถูกตกมาในวัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอัตตะบือ (ประเทศลาว) ข้าพเจ้าได้รับรู้จากพระอาจารย์ผู้ทรงศีลองค์หนึ่งเผยแพร่ให้ เลยเกิดความศรัทธาเสียสละทรัพย์พิมพ์แจกจ่าย มายังพี่น้องชาวพุทธทั้งหลาย เพื่อเป็นกุศล และเพื่อพิจารณาด้วยตนเองถึงเหตุการณ์มหันตภัยของ โลกยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งจะบังเกิดขึ้นตามพระพุทธทำนายไว้ ดังนี้ โลชังชม โทโพโส อินโตกรุณา พระอินทร์ พระพรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่า ถ้าบุคคลใดได้รู้แล้ว จงรีบบอกให้คนอื่นฟัง หรือพิมพ์แจกจ่ายจะเกิดมหากุศลช่วยใ