คำว่า"เกพลิตา" (เก-พะ-ลิ-ตา)หาใช่เป็นชื่อของบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ แต่เป็นศัพท์ทางบาลี มีความหมายว่า "ความหมดจดจากสรรพกิเลสความเศร้าหมองทั้งปวง" ความหมายของเกพลิตาโดยพิสดาร หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุท่านจะอธิบายไว้ในหนังสือชื่อว่า "ไกวัลยธรรม" ในยามที่ผู้คนต่างประสบทั้งความวิปริตและความวิปโยคไปทั่วทั้งโลก.. ใครที่มีสติปัญญาและมีกำลังใจเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งสามารถฝ่ามรสุมของชีวิตไปได้ ถือได้ว่าบุคคลนั้นเป็นคนโชคดีที่สุดแล้ว ให้มีเป้าหมายของชีวิตที่การสร้างบุญกุศลและการพัฒนาจิตวิญญาณภายในเป็นสำคัญ จะทำให้ฝ่ากระแสคลื่นได้อย่างปลอดภัย อย่าเอาความร่ำรวยหรือการประสบความสำเร็จในทางโลกเป็นใหญ่ เพราะระบบทุนนิยมและวัตถุนิยมกำลังจะผ่านพ้นไป ทุกสิ่งที่เราเคยเห็นจะเปลี่ยนไป แม้จะอดอยากยากแค้น มีหนี้สินรุงรัง ก็จงตั้งจิตไว้ที่ "เมื่อข้าพเจ้าผ่านมรสุมชีวิตไปได้ ข้าพเจ้าจะเอาชีวิตที่เหลืออยู่ให้มั่นคงอยู่กับธรรมะและรัตนตรัย จะมุ่งพัฒนาจิตวิญญาณภายในให้เข้าถึงความสะอาด สว่าง สงบ ตราบจนสิ้นอายุขัยของตน" ผู้เขียนทุกวันนี้ได้แต่คำนึงถึงและซาบซึ้งต่อครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในสมัยที่เศรษฐกิจกำลังรุ่งเรือง ผู้คนและวัดทั่วไปต่างแข่งขันกันสร้างวัตถุเมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมานั้น ผู้เขียนกลับมีวิถีชีวิตตรงกันข้ามกับกระแสสังคม มีเหตุต้องไปใช้ชีวิตเป็นพระธุดงค์ในป่า ในขณะอายุได้ ๓๒ ปีมีพระในป่ารูปร่างสูงใหญ่แบบคนโบราณ เสียงท่านแม้จะพูดค่อยๆแต่ดังกังวานชัดเจนมาก เป็นผู้มาช่วยในขณะเผชิญกับช้างป่า พระลึกลับองค์นี้ท่านบอกว่า "ท่านอย่าเพิ่งสร้างวัด ให้สร้างตัวเองให้มั่นคงก่อน ต่อไปวัดวาอารามจะร้างรา คนจะไม่เข้าวัด คนจะป่วยโรคจิตกันมาก ถึงเวลานั้นท่านจะมีโอกาสช่วยผู้คน โดยที่ท่านไม่ต้องดิ้นรนหาปัจจัยมาสร้างวัดแต่อย่างใดเลย.." ตอนนั้นไม่เคยเชื่อคำพูดของท่านเลย เพราะเป็นคนเรียนเก่งและประสบความสำเร็จในทางโลกมาก่อน จึงเป็นคนมั่นใจในตนเองมาก ยังมองอะไรแบบสายตาของคนมีการศึกษา (ที่สำคัญยังนึกดูหมิ่นท่านอยู่ลึกๆอีกด้วย) มาถึงวันนี้ เห็นความทุกข์ยากของผู้คนในทุกระดับชั้น เกิดความซาบซึ้งในความหวังดีของท่านในสมัยยังเป็นหนุ่มซึ่งตอนนั้นตนยังไม่รู้คุณค่า แล้วน้ำตาก็ไหลเอ่อออกมา.. นี่แหละหนาพระคุณของสิ่งลี้ลับศักดิ์สิทธิ์ที่เคยช่วยชีวิตไว้.. ...และพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์.. ขอให้ทุกคนทุกท่านจงผ่านพ้นอันตรายและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองรักษาเทอญ.
คำว่า"เกพลิตา" (เก-พะ-ลิ-ตา)หาใช่เป็นชื่อของบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่
แต่เป็นศัพท์ทางบาลี มีความหมายว่า "ความหมดจดจากสรรพกิเลสความเศร้าหมองทั้งปวง"
ความหมายของเกพลิตาโดยพิสดาร หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุท่านจะอธิบายไว้ในหนังสือชื่อว่า "ไกวัลยธรรม"
ใครที่มีสติปัญญาและมีกำลังใจเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งสามารถฝ่ามรสุมของชีวิตไปได้ ถือได้ว่าบุคคลนั้นเป็นคนโชคดีที่สุดแล้ว
ให้มีเป้าหมายของชีวิตที่การสร้างบุญกุศลและการพัฒนาจิตวิญญาณภายในเป็นสำคัญ จะทำให้ฝ่ากระแสคลื่นได้อย่างปลอดภัย
อย่าเอาความร่ำรวยหรือการประสบความสำเร็จในทางโลกเป็นใหญ่ เพราะระบบทุนนิยมและวัตถุนิยมกำลังจะผ่านพ้นไป ทุกสิ่งที่เราเคยเห็นจะเปลี่ยนไป
แม้จะอดอยากยากแค้น มีหนี้สินรุงรัง ก็จงตั้งจิตไว้ที่ "เมื่อข้าพเจ้าผ่านมรสุมชีวิตไปได้ ข้าพเจ้าจะเอาชีวิตที่เหลืออยู่ให้มั่นคงอยู่กับธรรมะและรัตนตรัย จะมุ่งพัฒนาจิตวิญญาณภายในให้เข้าถึงความสะอาด สว่าง สงบ ตราบจนสิ้นอายุขัยของตน"
ผู้เขียนทุกวันนี้ได้แต่คำนึงถึงและซาบซึ้งต่อครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ในสมัยที่เศรษฐกิจกำลังรุ่งเรือง ผู้คนและวัดทั่วไปต่างแข่งขันกันสร้างวัตถุเมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมานั้น ผู้เขียนกลับมีวิถีชีวิตตรงกันข้ามกับกระแสสังคม มีเหตุต้องไปใช้ชีวิตเป็นพระธุดงค์ในป่า
ในขณะอายุได้ ๓๒ ปีมีพระในป่ารูปร่างสูงใหญ่แบบคนโบราณ เสียงท่านแม้จะพูดค่อยๆแต่ดังกังวานชัดเจนมาก เป็นผู้มาช่วยในขณะเผชิญกับช้างป่า
พระลึกลับองค์นี้ท่านบอกว่า "ท่านอย่าเพิ่งสร้างวัด ให้สร้างตัวเองให้มั่นคงก่อน ต่อไปวัดวาอารามจะร้างรา คนจะไม่เข้าวัด คนจะป่วยโรคจิตกันมาก ถึงเวลานั้นท่านจะมีโอกาสช่วยผู้คน โดยที่ท่านไม่ต้องดิ้นรนหาปัจจัยมาสร้างวัดแต่อย่างใดเลย.."
ตอนนั้นไม่เคยเชื่อคำพูดของท่านเลย เพราะเป็นคนเรียนเก่งและประสบความสำเร็จในทางโลกมาก่อน จึงเป็นคนมั่นใจในตนเองมาก ยังมองอะไรแบบสายตาของคนมีการศึกษา (ที่สำคัญยังนึกดูหมิ่นท่านอยู่ลึกๆอีกด้วย)
มาถึงวันนี้ เห็นความทุกข์ยากของผู้คนในทุกระดับชั้น
เกิดความซาบซึ้งในความหวังดีของท่านในสมัยยังเป็นหนุ่มซึ่งตอนนั้นตนยังไม่รู้คุณค่า แล้วน้ำตาก็ไหลเอ่อออกมา..
นี่แหละหนาพระคุณของสิ่งลี้ลับศักดิ์สิทธิ์ที่เคยช่วยชีวิตไว้..
...และพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์..
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงผ่านพ้นอันตรายและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองรักษาเทอญ.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น