พุทโธอย่าปล่อยวาง “วันนี้เป็นวันสำคัญ ๓ วันรวมกัน คือ วันประสูติของพระพุทธเจ้าของเรา สิทธัตถราชกุมารประสูติวันนี้ ตรัสรู้ก็สิทธัตถราชกุมารตรัสรู้ขึ้นมาเป็นพระพุทธเจ้า วาระที่สามก็พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานในวันเดียวกันนี้ รวมแล้วเป็น ๓ วันอยู่ในจุดสำคัญอันเดียวกัน คือ ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน พระพุทธเจ้าของเราพระองค์เดียวนั่นแหละ ประสูติก็วันนี้ ตรัสรู้ก็วันนี้ ปรินิพพานก็วันนี้ เรียกว่าวันวิสาขบูชา วันนี้เป็นวันสำคัญของพระพุทธเจ้า ซึ่งอุบัติก็วันนี้ ตรัสรู้วันนี้ ปรินิพพานวันนี้ พวกเราทั้งหลายถวายบูชาธรรมท่านทางภาคปฏิบัติจิตตภาวนานะวันนี้ ให้พากันภาวนาสงบใจๆ ระงับเรื่องการงานทั้งหลายที่เคยยุ่งมาตั้งแต่วันเกิด วันนี้ให้ระงับงานการยุ่งเหยิงทั้งหลาย เอางานทางด้านธรรมะที่จะพาเข้าสู่มรรคผลนิพพาน เข้ามาสู่ใจ วันนี้เป็นงานของธรรมเข้าสู่ใจ งานของโลกเข้าสู่ใจเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ทั่วดินแดน งานของธรรมเข้าสู่ใจสงบร่มเย็นทั่วหน้ากัน วันนี้เป็นวันสำคัญมากของพระพุทธเจ้า ประสูติก็วันนี้ ตรัสรู้วันนี้ ปรินิพพานก็วันนี้ วันประสูติก็กระเทือนโลกเหมือนกัน วันตรัสรู้ละสำคัญมากทีเดียว ได้ตรัสรู้เป็นศาสดาเอกของโลก ก่อนที่จะได้เป็นศาสดาเอกของโลก ทรงทำความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ามา เฉพาะพระพุทธเจ้าของเรานี้ ๔ อสงไขย คือมี ๓ ประเภทบรรดาพระพุทธเจ้า ประเภทที่หนึ่ง ๑๖ อสงไขย ปลีกแยกได้ แสนมหากัปๆ แล้วก็ ๘ อสงไขย ๔ อสงไขย พระพุทธเจ้าของเรา ๔ อสงไขย ได้ตรัสรู้เป็นศาสดาสอนโลก ๑๖-๘-๔ อสงไขย อำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารที่นำสัตว์โลกออกไปได้มากน้อยต่างกัน เช่น พระพุทธเจ้าองค์ ๑๖ อสงไขยนี้ทรงสั่งสอนสัตว์โลกได้มากมายที่สุด เป็นอันดับหนึ่งของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย อันดับสองก็ ๘ อสงไขย อันดับสามคือพระพุทธเจ้าของเรา พระชนมายุก็เพียง ๘๐ ปี จึงทรงวางแนวทางบันไดเพื่อไต่เต้าขึ้นสู่มรรคผลนิพพานให้พวกเราทั้งหลาย เป็นเวลา ๕๐๐๐ ปี คำว่า ๕๐๐๐ ปี คือทรงเล็งญาณดูเรียบร้อยแล้ว พอถึง ๕๐๐๐ ปีแล้ว พุทโธ ธัมโม สังโฆ หรือธรรมทั้งหลายที่เคยไหลเข้าสู่ใจจะพรากจากกันทันที มีแต่กิเลสเข้ารุมล้อมหัวใจ เป็นฟืนเป็นไฟเหมือนกันหมด ๕๐๐๐ ปีแล้วหมด ศาสนาไม่มี คำว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ไม่มีในหัวใจ มีแต่ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหาเต็มหัวใจของโลก แล้วเป็นไฟไปในตัวเผาแหลกไปหมดเลย ให้พากันเข้าใจเอาไว้ ถ้าศาสนามีอยู่ที่ใดมากน้อยมีความชุ่มเย็นเป็นสุขพอซุกหัวนอนได้คนเรา ถ้าไม่มีศาสนาในใจแล้ว พุทธศาสนานะ ถ้าไม่มีในใจแล้วร้อนมากทีเดียว ถ้าพุทธศาสนาได้เข้าเต็มหัวใจแล้วเรียกว่าบรรลุธรรมถึงขั้นสูงสุดวิมุตติพระนิพพาน นั่นคือท่านผู้เลิศเลอ ได้แก่พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทุกๆ พระองค์ ท่านผู้เลิศเลอไม่มีทุกข์ตั้งแต่วันตรัสรู้ผางขึ้นมา หรือบรรลุธรรมผางขึ้นมาเท่านั้น ทุกข์ในหัวใจแตกกระจายไปตั้งแต่บัดนั้นไม่มีทุกข์ในหัวใจของพระอรหันต์เลย จะมีตั้งแต่ในธาตุในขันธ์ธรรมดา เจ็บไข้ได้ป่วย เพราะนี่เป็นสมมุติก็ต้องเป็นเหมือนกันกับโลกทั่วๆ ไป แต่ทางใจไม่มี ตั้งแต่วันกิเลสตัวแสบๆ สร้างกองทุกข์ให้หัวใจสัตว์โลกได้ขาดสะบั้นลงไปจากใจเท่านั้น ใจนี้ดีดผึงแล้วทุกข์ไม่มี พระอรหันต์จึงไม่มีทุกข์ทางใจตั้งแต่กิเลสตัวแสบๆ ขาดสะบั้นลงไป ตัวนี้เป็นตัวสร้างทุกข์มากที่สุด พอตัวนี้ขาดลงไปทุกข์จึงไม่มีในจิตของพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ไม่มีทุกข์ภายในใจ มีตั้งแต่ธาตุขันธ์ก็ไม่ถึงใจท่าน เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดาแต่ไม่เข้าถึงใจ ต่างกันตรงนี้ ใจท่านทรงความบริสุทธิ์แล้วก็วิมุตติพระนิพพานเต็มหัวใจตลอด และตลอดไปเรียกว่านิพพานเที่ยง เที่ยงไปเลย นี่ละการปฏิบัติธรรมเมื่อถึงขีดแล้วถึงขั้นเที่ยง ท่านเรียกว่านิพพานเที่ยง กฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เข้าไม่ถึง จึงไม่มีอะไรแปรปรวนท่านผู้ถึงนิพพานแล้วด้วยจิตบริสุทธิ์ วันนี้ก็เป็นวันวิสาขบูชา วันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าด้วย วันปรินิพพานของพระพุทธเจ้าด้วย วันประสูติด้วย วันตรัสรู้นี้สำคัญมาก ธรรมะกระจายสอนโลกอยู่นี้จากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านะ สอนโลกมาเป็นเวลา ๒๕๐๐ กว่าปี ถึง ๕๐๐๐ ปีก็หมด นิสัยวาสนาของสัตว์จะหมดไปๆ กิเลสจะเหยียบย่ำทำลายเข้าไป คำว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ จะไม่มีในใจของสัตว์ มีตั้งแต่กิเลสกับฟืนกับไฟเผาไหม้อยู่ในหัวใจ ใครเกิดในสมัยนั้นแล้วเป็นความทุกข์ร้อนมากที่สุดเลย เวลาที่ไม่มีศาสนา ระหว่างพุทธันดร พุทธันดรคือระหว่างพระพุทธเจ้านี้อุบัติๆ ระหว่างกลางนี้ ทุกข์ร้อนมาก สัตว์ระลึกบาปบุญคุณโทษไม่ได้ สร้างแต่บาปแต่กรรม มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้กัน นี่พวกเราเกิดมาพอดิบพอดีกับศาสนา กึ่งกลางพระพุทธเจ้าพอดีเลย ๒๕๐๐.เราได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ธรรมสดๆ ร้อนๆ ทุกเวล่ำเวลา ทำบาปได้บาป ทำบุญได้บุญตลอดไป ท่านเรียกว่าอกาลิโก ไม่มีกาลสถานที่เวล่ำเวลา คือการทำบาปและทำบุญ ทำเมื่อไรเป็นบาป ทำเมื่อไรเป็นบุญทั้งนั้นแหละ ให้พยายามคัดเลือกบาปออกจากหัวใจ สร้างแต่ความดีงาม เกิดที่ไหนจะได้มีแต่สิ่งสมหวังๆ ภพใดชาติใด พบสิ่งใดที่ใดก็ตามจะมีแต่สิ่งสมหวังๆ ไม่ทำความกระทบกระเทือนแก่จิตใจสำหรับผู้ได้พบได้เห็น นี่คือผู้สร้างความดี ถ้าผู้สร้างตั้งแต่ความชั่วนี้ไปที่ไหนเจอตั้งแต่ความเสนียดจัญไรเป็นฟืนเป็นไฟ กระทบกระเทือนกันตลอด นี่คือคนสร้างความชั่ว ไปที่ไหนเจอตั้งแต่ภัยกระทบกระเทือนตลอดเวลากับตัวเอง ให้พากันสร้างความดีงาม ไปที่ไหนจะสงบร่มเย็น วันนี้ก็ไม่พูดอะไรมากนัก วิสาขบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ท่านนำธรรมมาสั่งสอนโลกให้เราทั้งหลายได้รู้จักบุญจักบาปบ้าง ก็คือวันตรัสรู้วันนี้ละ ให้พากันประพฤติปฏิบัติ วันนี้ควรจะบำเพ็ญศีลธรรมเข้าสู่ใจให้มากยิ่งกว่างานอื่นใด เพราะงานอื่นๆ เราทำมาตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับ ไม่ทราบว่าได้มากน้อยเพียงไร บางทีนอนไม่หลับก็มี ไปหารายได้มีตั้งแต่รายจมเผาหัวใจ เลยนอนไม่หลับก็มีเยอะนะ ไปหาความสุขตั้งแต่ตื่นนอน กลับมามือเกยหน้าผาก มีตั้งแต่ความทุกข์เผาหัวใจ มีเยอะนะ มันหาไม่เจอ หาความสุขให้ได้สุขซิ หาภาวนาละสุข บังคับลงไปจิตใจมันจะดีดจะดิ้นขนาดไหน ไม่เหนือธรรมไปได้ ธรรมเป็นน้ำดับไฟ แสดงเปลวขึ้นเท่าไรน้ำสาดลงไปนี้เปลวไฟดับๆ เย็น นั่นละให้พากันจำเอา วันนี้คนก็มามากมาย เมื่อวานนี้ก็ทั้งวัน เต็มวันเราก็เหนื่อยมาก ตั้งแต่วานนี้มาถึงวันนี้เหนื่อยมากจริงๆ เราก็ทนเอาเพื่อโลกเพื่อสงสาร สำหรับเราเองเราไม่มีอะไรที่จะมาทนทานต่อมัน ทุกสิ่งทุกอย่างเราปล่อยวางหมดแล้วโดยสิ้นเชิง นี่เพราะอำนาจแห่งการปฏิบัติธรรม ได้นำธรรมเหล่านี้มาสอนท่านทั้งหลาย สอนด้วยความเต็มอกเต็มใจ ออกมาจากหัวใจล้วนๆ ที่เสาะแสวงหามาได้แทบเป็นแทบตาย จึงได้ธรรมมาสอนพี่น้องทั้งหลาย ไม่ได้มางูๆ ปลาๆ ลูบนั้นคลำนี้มาสอน ถอดออกมาจากหัวใจที่ได้ผลมาแล้วจากการปฏิบัติของตนเอง เพราะฉะนั้นจึงพากันอุตส่าห์พยายามบำเพ็ญความดีงามให้มีแก่จิตใจของคนทุกคน เราเกิดในท่ามกลางพุทธศาสนา แต่มีแต่ฟืนแต่ไฟคือกิเลสพาเผาไหม้ตลอดเวลา ไม่สมควรอย่างยิ่งกับชาวพุทธเรา ขอให้มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ เฉพาะวันนี้ให้บำเพ็ญธรรมเข้าสู่ใจ ใครอยู่ที่ไหนให้ทำความสงบใจ พุทโธอย่าปล่อยวาง สติติดแนบกับพุทโธๆ พากันจำเอา ตายไปจะไม่ได้พึ่งอะไรละ บาปก็เป็นมหาภัย บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งเป็นพึ่งตาย เวลาจะเป็นจะตายจริงๆ แล้ว บุญกุศลจะเข้าหนุนปุ๊บเลย ช่วยทันทีไปได้ ถ้าใครสร้างบาปมาก เวลาจะตายมันกดลง ลงนรกอเวจีไปเลยทีเดียว ให้พากันระมัดระวังตั้งแต่บัดนี้ ตายแล้วจึงมาระวังไม่ได้นะ ให้ระวังตั้งแต่บัดนี้ สิ่งใดไม่ดีให้ลดออก ละออก สิ่งใดที่ดีให้สั่งสมขึ้นมาให้ดีงาม สิ่งทั้งหลายอยู่ด้วยกันนี่เกิดมากับสิ่งเหล่านี้ อยู่ก็อยู่กับสิ่งเหล่านี้ ตายก็ตายจากสิ่งเหล่านี้ไปไม่มีอะไรติดตัวนะ บาปกับบุญนั้นติด มีเท่านั้น ใครสร้างบาปไว้บาปก็ติดตัวไปเป็นภัย ไปที่ไหนเป็นมหาภัยติดตัวไปตลอด ผู้สร้างบุญสร้างกุศลเป็นมหาคุณติดใจไปตลอดจนถึงมรรคผลนิพพาน นี่คือสร้างมหาคุณเข้าแก่ใจ ให้พากันจำเอานะ วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ละ เหนื่อยมากแล้ว เอาละไม่ต้องเอวัง เพราะไม่ได้ตั้งนโม เอาละพอ...” เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ พระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน) วัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) จ.อุดรธานี (พ.ศ. ๒๔๕๖ - ๒๕๕๔)
พุทโธอย่าปล่อยวาง
“วันนี้เป็นวันสำคัญ ๓ วันรวมกัน คือ วันประสูติของพระพุทธเจ้าของเรา สิทธัตถราชกุมารประสูติวันนี้ ตรัสรู้ก็สิทธัตถราชกุมารตรัสรู้ขึ้นมาเป็นพระพุทธเจ้า วาระที่สามก็พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานในวันเดียวกันนี้ รวมแล้วเป็น ๓ วันอยู่ในจุดสำคัญอันเดียวกัน คือ ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน พระพุทธเจ้าของเราพระองค์เดียวนั่นแหละ ประสูติก็วันนี้ ตรัสรู้ก็วันนี้ ปรินิพพานก็วันนี้ เรียกว่าวันวิสาขบูชา
วันนี้เป็นวันสำคัญของพระพุทธเจ้า ซึ่งอุบัติก็วันนี้ ตรัสรู้วันนี้ ปรินิพพานวันนี้ พวกเราทั้งหลายถวายบูชาธรรมท่านทางภาคปฏิบัติจิตตภาวนานะวันนี้ ให้พากันภาวนาสงบใจๆ ระงับเรื่องการงานทั้งหลายที่เคยยุ่งมาตั้งแต่วันเกิด วันนี้ให้ระงับงานการยุ่งเหยิงทั้งหลาย เอางานทางด้านธรรมะที่จะพาเข้าสู่มรรคผลนิพพาน เข้ามาสู่ใจ วันนี้เป็นงานของธรรมเข้าสู่ใจ งานของโลกเข้าสู่ใจเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ทั่วดินแดน งานของธรรมเข้าสู่ใจสงบร่มเย็นทั่วหน้ากัน วันนี้เป็นวันสำคัญมากของพระพุทธเจ้า ประสูติก็วันนี้ ตรัสรู้วันนี้ ปรินิพพานก็วันนี้ วันประสูติก็กระเทือนโลกเหมือนกัน วันตรัสรู้ละสำคัญมากทีเดียว ได้ตรัสรู้เป็นศาสดาเอกของโลก
ก่อนที่จะได้เป็นศาสดาเอกของโลก ทรงทำความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ามา เฉพาะพระพุทธเจ้าของเรานี้ ๔ อสงไขย คือมี ๓ ประเภทบรรดาพระพุทธเจ้า ประเภทที่หนึ่ง ๑๖ อสงไขย ปลีกแยกได้ แสนมหากัปๆ แล้วก็ ๘ อสงไขย ๔ อสงไขย พระพุทธเจ้าของเรา ๔ อสงไขย ได้ตรัสรู้เป็นศาสดาสอนโลก ๑๖-๘-๔ อสงไขย อำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารที่นำสัตว์โลกออกไปได้มากน้อยต่างกัน เช่น พระพุทธเจ้าองค์ ๑๖ อสงไขยนี้ทรงสั่งสอนสัตว์โลกได้มากมายที่สุด เป็นอันดับหนึ่งของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย อันดับสองก็ ๘ อสงไขย อันดับสามคือพระพุทธเจ้าของเรา พระชนมายุก็เพียง ๘๐ ปี จึงทรงวางแนวทางบันไดเพื่อไต่เต้าขึ้นสู่มรรคผลนิพพานให้พวกเราทั้งหลาย เป็นเวลา ๕๐๐๐ ปี
คำว่า ๕๐๐๐ ปี คือทรงเล็งญาณดูเรียบร้อยแล้ว พอถึง ๕๐๐๐ ปีแล้ว พุทโธ ธัมโม สังโฆ หรือธรรมทั้งหลายที่เคยไหลเข้าสู่ใจจะพรากจากกันทันที มีแต่กิเลสเข้ารุมล้อมหัวใจ เป็นฟืนเป็นไฟเหมือนกันหมด ๕๐๐๐ ปีแล้วหมด ศาสนาไม่มี คำว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ไม่มีในหัวใจ มีแต่ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหาเต็มหัวใจของโลก แล้วเป็นไฟไปในตัวเผาแหลกไปหมดเลย ให้พากันเข้าใจเอาไว้
ถ้าศาสนามีอยู่ที่ใดมากน้อยมีความชุ่มเย็นเป็นสุขพอซุกหัวนอนได้คนเรา ถ้าไม่มีศาสนาในใจแล้ว พุทธศาสนานะ ถ้าไม่มีในใจแล้วร้อนมากทีเดียว ถ้าพุทธศาสนาได้เข้าเต็มหัวใจแล้วเรียกว่าบรรลุธรรมถึงขั้นสูงสุดวิมุตติพระนิพพาน นั่นคือท่านผู้เลิศเลอ ได้แก่พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทุกๆ พระองค์ ท่านผู้เลิศเลอไม่มีทุกข์ตั้งแต่วันตรัสรู้ผางขึ้นมา หรือบรรลุธรรมผางขึ้นมาเท่านั้น ทุกข์ในหัวใจแตกกระจายไปตั้งแต่บัดนั้นไม่มีทุกข์ในหัวใจของพระอรหันต์เลย จะมีตั้งแต่ในธาตุในขันธ์ธรรมดา เจ็บไข้ได้ป่วย เพราะนี่เป็นสมมุติก็ต้องเป็นเหมือนกันกับโลกทั่วๆ ไป แต่ทางใจไม่มี
ตั้งแต่วันกิเลสตัวแสบๆ สร้างกองทุกข์ให้หัวใจสัตว์โลกได้ขาดสะบั้นลงไปจากใจเท่านั้น ใจนี้ดีดผึงแล้วทุกข์ไม่มี พระอรหันต์จึงไม่มีทุกข์ทางใจตั้งแต่กิเลสตัวแสบๆ ขาดสะบั้นลงไป ตัวนี้เป็นตัวสร้างทุกข์มากที่สุด พอตัวนี้ขาดลงไปทุกข์จึงไม่มีในจิตของพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ไม่มีทุกข์ภายในใจ มีตั้งแต่ธาตุขันธ์ก็ไม่ถึงใจท่าน เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดาแต่ไม่เข้าถึงใจ ต่างกันตรงนี้ ใจท่านทรงความบริสุทธิ์แล้วก็วิมุตติพระนิพพานเต็มหัวใจตลอด และตลอดไปเรียกว่านิพพานเที่ยง เที่ยงไปเลย นี่ละการปฏิบัติธรรมเมื่อถึงขีดแล้วถึงขั้นเที่ยง ท่านเรียกว่านิพพานเที่ยง กฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เข้าไม่ถึง จึงไม่มีอะไรแปรปรวนท่านผู้ถึงนิพพานแล้วด้วยจิตบริสุทธิ์
วันนี้ก็เป็นวันวิสาขบูชา วันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าด้วย วันปรินิพพานของพระพุทธเจ้าด้วย วันประสูติด้วย วันตรัสรู้นี้สำคัญมาก ธรรมะกระจายสอนโลกอยู่นี้จากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านะ สอนโลกมาเป็นเวลา ๒๕๐๐ กว่าปี ถึง ๕๐๐๐ ปีก็หมด นิสัยวาสนาของสัตว์จะหมดไปๆ กิเลสจะเหยียบย่ำทำลายเข้าไป คำว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ จะไม่มีในใจของสัตว์ มีตั้งแต่กิเลสกับฟืนกับไฟเผาไหม้อยู่ในหัวใจ ใครเกิดในสมัยนั้นแล้วเป็นความทุกข์ร้อนมากที่สุดเลย
เวลาที่ไม่มีศาสนา ระหว่างพุทธันดร พุทธันดรคือระหว่างพระพุทธเจ้านี้อุบัติๆ ระหว่างกลางนี้ ทุกข์ร้อนมาก สัตว์ระลึกบาปบุญคุณโทษไม่ได้ สร้างแต่บาปแต่กรรม มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้กัน นี่พวกเราเกิดมาพอดิบพอดีกับศาสนา กึ่งกลางพระพุทธเจ้าพอดีเลย ๒๕๐๐.เราได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ธรรมสดๆ ร้อนๆ ทุกเวล่ำเวลา ทำบาปได้บาป ทำบุญได้บุญตลอดไป ท่านเรียกว่าอกาลิโก ไม่มีกาลสถานที่เวล่ำเวลา คือการทำบาปและทำบุญ ทำเมื่อไรเป็นบาป ทำเมื่อไรเป็นบุญทั้งนั้นแหละ
ให้พยายามคัดเลือกบาปออกจากหัวใจ สร้างแต่ความดีงาม เกิดที่ไหนจะได้มีแต่สิ่งสมหวังๆ ภพใดชาติใด พบสิ่งใดที่ใดก็ตามจะมีแต่สิ่งสมหวังๆ ไม่ทำความกระทบกระเทือนแก่จิตใจสำหรับผู้ได้พบได้เห็น นี่คือผู้สร้างความดี ถ้าผู้สร้างตั้งแต่ความชั่วนี้ไปที่ไหนเจอตั้งแต่ความเสนียดจัญไรเป็นฟืนเป็นไฟ กระทบกระเทือนกันตลอด นี่คือคนสร้างความชั่ว ไปที่ไหนเจอตั้งแต่ภัยกระทบกระเทือนตลอดเวลากับตัวเอง ให้พากันสร้างความดีงาม ไปที่ไหนจะสงบร่มเย็น
วันนี้ก็ไม่พูดอะไรมากนัก วิสาขบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ท่านนำธรรมมาสั่งสอนโลกให้เราทั้งหลายได้รู้จักบุญจักบาปบ้าง ก็คือวันตรัสรู้วันนี้ละ ให้พากันประพฤติปฏิบัติ วันนี้ควรจะบำเพ็ญศีลธรรมเข้าสู่ใจให้มากยิ่งกว่างานอื่นใด เพราะงานอื่นๆ เราทำมาตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับ ไม่ทราบว่าได้มากน้อยเพียงไร บางทีนอนไม่หลับก็มี ไปหารายได้มีตั้งแต่รายจมเผาหัวใจ เลยนอนไม่หลับก็มีเยอะนะ ไปหาความสุขตั้งแต่ตื่นนอน กลับมามือเกยหน้าผาก มีตั้งแต่ความทุกข์เผาหัวใจ มีเยอะนะ มันหาไม่เจอ
หาความสุขให้ได้สุขซิ หาภาวนาละสุข บังคับลงไปจิตใจมันจะดีดจะดิ้นขนาดไหน ไม่เหนือธรรมไปได้ ธรรมเป็นน้ำดับไฟ แสดงเปลวขึ้นเท่าไรน้ำสาดลงไปนี้เปลวไฟดับๆ เย็น นั่นละให้พากันจำเอา วันนี้คนก็มามากมาย เมื่อวานนี้ก็ทั้งวัน เต็มวันเราก็เหนื่อยมาก ตั้งแต่วานนี้มาถึงวันนี้เหนื่อยมากจริงๆ เราก็ทนเอาเพื่อโลกเพื่อสงสาร สำหรับเราเองเราไม่มีอะไรที่จะมาทนทานต่อมัน ทุกสิ่งทุกอย่างเราปล่อยวางหมดแล้วโดยสิ้นเชิง นี่เพราะอำนาจแห่งการปฏิบัติธรรม ได้นำธรรมเหล่านี้มาสอนท่านทั้งหลาย สอนด้วยความเต็มอกเต็มใจ ออกมาจากหัวใจล้วนๆ ที่เสาะแสวงหามาได้แทบเป็นแทบตาย จึงได้ธรรมมาสอนพี่น้องทั้งหลาย ไม่ได้มางูๆ ปลาๆ ลูบนั้นคลำนี้มาสอน ถอดออกมาจากหัวใจที่ได้ผลมาแล้วจากการปฏิบัติของตนเอง เพราะฉะนั้นจึงพากันอุตส่าห์พยายามบำเพ็ญความดีงามให้มีแก่จิตใจของคนทุกคน
เราเกิดในท่ามกลางพุทธศาสนา แต่มีแต่ฟืนแต่ไฟคือกิเลสพาเผาไหม้ตลอดเวลา ไม่สมควรอย่างยิ่งกับชาวพุทธเรา ขอให้มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ เฉพาะวันนี้ให้บำเพ็ญธรรมเข้าสู่ใจ ใครอยู่ที่ไหนให้ทำความสงบใจ พุทโธอย่าปล่อยวาง สติติดแนบกับพุทโธๆ พากันจำเอา ตายไปจะไม่ได้พึ่งอะไรละ บาปก็เป็นมหาภัย บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งเป็นพึ่งตาย เวลาจะเป็นจะตายจริงๆ แล้ว บุญกุศลจะเข้าหนุนปุ๊บเลย ช่วยทันทีไปได้ ถ้าใครสร้างบาปมาก เวลาจะตายมันกดลง ลงนรกอเวจีไปเลยทีเดียว ให้พากันระมัดระวังตั้งแต่บัดนี้ ตายแล้วจึงมาระวังไม่ได้นะ ให้ระวังตั้งแต่บัดนี้ สิ่งใดไม่ดีให้ลดออก ละออก สิ่งใดที่ดีให้สั่งสมขึ้นมาให้ดีงาม
สิ่งทั้งหลายอยู่ด้วยกันนี่เกิดมากับสิ่งเหล่านี้ อยู่ก็อยู่กับสิ่งเหล่านี้ ตายก็ตายจากสิ่งเหล่านี้ไปไม่มีอะไรติดตัวนะ บาปกับบุญนั้นติด มีเท่านั้น ใครสร้างบาปไว้บาปก็ติดตัวไปเป็นภัย ไปที่ไหนเป็นมหาภัยติดตัวไปตลอด ผู้สร้างบุญสร้างกุศลเป็นมหาคุณติดใจไปตลอดจนถึงมรรคผลนิพพาน นี่คือสร้างมหาคุณเข้าแก่ใจ ให้พากันจำเอานะ วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ละ เหนื่อยมากแล้ว เอาละไม่ต้องเอวัง เพราะไม่ได้ตั้งนโม เอาละพอ...”
เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
พระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
วัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) จ.อุดรธานี
(พ.ศ. ๒๔๕๖ - ๒๕๕๔)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น