ดี

 พรปีใหม่

ถาม : พรปีใหม่ที่ดีที่สุด สำหรับการปฏิบัติปีนี้คืออะไร ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก เอาโอวาทปาฏิโมกข์ของพระพุทธเจ้า
ละเว้นความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม ชำระจิตใจ
ให้ผ่องใสบริสุทธิ์ รับรองว่าไม่มีอะไรดีกว่านี้
สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง คำว่า อะกะระณัง คือ เว้นการกระทำ
สัพพะปาปัสสะ คือ ความชั่วทั้งปวง ก็คือละเว้นกายทุจริต
วจีทุจริต มโนทุจริต กายทุจริตก็คือ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์
ประพฤติผิดในกาม วจีทุจริตก็คือ พูดโกหก พูดส่อเสียด
พูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้ประโยชน์และพูดคำหยาบ
มโนทุจริตก็คือ โลภคิดอยากได้ของเขา คิดอาฆาตพยาบาทเขา
มีความเห็นเป็นมิจฉาทิฏฐิ
กุสะลัสสูปะสัมปะทา ก็คือ ทำความดีให้ถึงพร้อม ก็คือ ทำกาย
วาจา ใจให้สุจริต กายสุจริตก็คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์
ไม่ประพฤติผิดในกาม วจีสุจริตก็คือ ไม่พูดโกหก ไม่พูดส่อเสียด
ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล และไม่พูดคำหยาบ มโนสุจริตก็คือ
ไม่โลภคิดอยากได้ของเขา ไม่คิดอาฆาตพยาบาทเขา
มีความเห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนนั้นดี เราจะทำตาม
สุจิตตะปะริโยทะปะนัง การชำระจิตใจของตนให้ผ่องใส
เป็นเรื่องสำคัญ การจะรักษาใจของเราให้ผ่องใสบริสุทธิ์
อย่างน้อย ๆ ต้องทรงกำลังตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป เพราะว่า
กำลังใจที่ทรงฌานได้ รัก โลภ โกรธ หลง จะถูกกดให้ดับลง
ชั่วคราว เมื่อ รัก โลภ โกรธ หลง ดับลงชั่วคราว จิตใจจะมี
สภาพผ่องใส ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับใจ สติจะรู้รอบ
ถ้าหากสิ่งที่ไม่ดีเข้ามา ก็จะขับไล่มันออกไปทัน แล้วก็
สามารถระมัดระวังไว้ไม่ให้มันเข้ามาอีก ถ้าหากว่าสิ่งที่ดีไม่มี...
ก็สร้างมันขึ้นมา แล้วสามารถที่จะรักษามันให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้น
เพราะฉะนั้น..การชำระใจของตนให้ผ่องใสเป็นเรื่องสำคัญมาก
เพราะว่าจะสร้างความก้าวหน้าในการปฏิบัติให้เราได้มาก
ฉะนั้น..พรปีใหม่อะไรดีที่สุด ? ก็โอวาทปาฏิโมกข์ของ
พระพุทธเจ้า ไม่มีอะไรดีกว่านี้แน่ ๆ จะว่าไปแล้ว ส่วนใหญ่
พวกเราขอพร ก็ได้แค่กำลังใจ ต้องลงมือทำให้เกิดผล
พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ชัดเจน สุทธิ อะสุทธิ ปัจจัตตัง
นาญโญ อัญญัง วิโสธะเย ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์
เป็นของเฉพาะตน บุคคลหนึ่งจะทำอีกบุคคลหนึ่งให้บริสุทธิ์
หาได้ไม่ ก็คือ ไม่สามารถที่จะเสกเป่าบันดาลให้พวกเรา
บรรลุได้ ประสบความสำเร็จได้ แต่ว่าขึ้นอยู่กับการกระทำ
ของเรา
ปัจจุบันนี้มีบางสำนัก สามารถที่จะไปปฏิบัติแล้วเลื่อนชั้น
เลื่อนระดับ เลื่อนภูมิของความเป็นพระอริยเจ้าได้ ขอให้ฟัง
แล้วก็ตรองให้เป็นด้วย ถ้าทำอย่างนั้นได้ พระพุทธเจ้า
เอาพวกเราไปหมดแล้ว ไม่เหลือหรอก ต่อให้เขาใช้คำว่า
ได้รับพรพิเศษมาทำหน้าที่นี้ เราก็ไม่ต้องฟัง เพราะถ้าจะทำ
พระพุทธเจ้าท่านทำเอง
พวกเราในปัจจุบันนี้มีอยู่ส่วนหนึ่ง ต้องบอกว่าคือความขี้เกียจ
เพราะเห็นว่าการปฏิบัติเป็นของยาก มักจะหาทางลัดอยู่เสมอ
อยากจะบอกว่า ทางลัดก็คือทางลัด แต่ถามว่าสั้นลงไหม ?
ถ้าผิดทางอาจจะไกลกว่าเดิม ทางที่สั้นที่สุดคือทางตรง
ทางตรงแปลว่า ต้องตั้งหน้าปฏิบัติในทาน ศีล สมาธิ ปัญญา
ด้วยตนเอง การที่เราจะให้คนอื่นช่วยเหลือ ก็ได้แค่คำแนะนำ
และกำลังใจเท่านั้น ถ้าเราไม่ปฏิบัติก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จ
เป็นตัวเป็นตนเป็นของเราเองได้ เท่ากับว่าเราไปชมสมบัติ
ของเศรษฐีเขา ไปกี่ครั้งเขาก็รวยเหมือนเดิม เราก็จนเหมือนเดิม
เพราะเราไม่คิดจะขวนขวายไขว่คว้าให้เกิดขึ้นกับตนเอง
ในเมื่อพวกเราขี้เกียจ มองหาทางลัด ก็เลยอาจจะพลัดเข้าไป
ในบางสำนักที่ท่านสอนผิด อ้างว่าเป็นแนวทางลัด ทำให้เรา
บรรลุมรรคผลได้ง่าย ปัจจุบันนี้ก็มีโยมบางคน ตกอยู่ในสภาพ
อย่างนี้ แล้วก็โดนทางสำนักเขาเรียกร้องผลประโยชน์มาก ๆ
เพราะว่าตนเองฐานะดี เรื่องพวกนี้ต้องระวังให้หนัก
ปัจจุบันนี้ญาติโยมเห็นพระ อย่าคิดว่าพระจะมีความเป็นพระ
เสมอกัน อย่าคิดว่าทุกคนมีปฏิปทาตามสายการปฏิบัติหลวงพ่อ
เหมือนกัน หลายต่อหลายคนเอาชื่อเสียงทางวัดท่าซุงไปหากิน
แม้แต่อาตมาเองก็โดนหวาดระแวงว่า จะเอาชื่อเสียงหลวงพ่อ
ไปหากิน คราวนี้ในเมื่อกำลังใจไม่เหมือนกัน ก็จะมีอยู่พวกหนึ่ง
ที่เลือกแต่ลูกศิษย์รวย ๆ ถ้าเราไปเผลอทิ้งที่อยู่หรือเบอร์โทรให้นี่
เขาตามยันบ้านเลย เดี๋ยวก็ให้เป็นเจ้าภาพทำอย่างนั้น เดี๋ยวก็ให้
เป็นเจ้าภาพรับอย่างนี้ ในลักษณะที่ใช้จิตวิทยายกย่อง บางท่าน
รู้ไม่เท่าทันก็ปลื้มใจภูมิใจ ควักสตางค์ไปเยอะ ๆ เป็นเจ้าภาพ
สร้างเสาวิหารสักต้น หนึ่งแสนบาท เป็นเจ้าภาพสร้าง
พระประธานสักองค์หนึ่ง สักห้าแสนหรือล้านหนึ่ง เป็นต้น
แล้วเขาจะเลือกแต่บุคคลที่มีฐานะเพื่อที่จะสะดวกในเรื่อง
การทำบุญกุศลต่าง ๆ
ดังนั้น...ถ้าหากเราเผลอไปทิ้งที่อยู่หรือเบอร์โทรเอาไว้
เขาจะตามมาถึงบ้าน มีหลายท่านทำบุญในลักษณะที่ตัดรำคาญ
เพราะว่าเขาตื๊อไม่เลิก ปัจจุบันนี้วัดใหญ่บางวัดใช้ระบบนี้
โดยการให้ลูกศิษย์ตามตื๊อ หรือไม่ก็ระบบโทรเช้า โทรกลางวัน
โทรเย็น โทรกลางคืน จนกระทั่งท้ายที่สุด ต้องควักกระเป๋า
จ่ายไป ไม่อย่างนั้นแล้วรู้สึกเสียสุขภาพจิตตัวเอง
ดังนั้น...โยมทั้งหลายต้องพิจารณาให้ดี ๆ ว่า ในเรื่องของ
การทำบุญนั้น จริงอยู่...ทำที่ไหนก็เป็นบุญ แต่ถ้ากำลังใจ
ของเรายังไม่ทรงตัว ไม่สามารถวางอุเบกขาในทานได้จริง ๆ
ถ้าเราเห็นความไม่ชอบมาพากล กำลังใจของเราจะตก
คราวนี้ถ้ากำลังใจตก บุญก็จะลดด้วย ที่เตือนให้เพราะว่า
เสียงมันหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ
ฉะนั้น..ทำอะไรให้รู้จักระมัดระวังไว้ด้วย
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงเช้า ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันศุกร์ที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

https://www.google.com/imgres?imgurl=http%3A%2F%2Fwww.luangtanarongsak.org%2Fhome%2Fimages%2Fdm-info-63%2FDM-INF-40.jpg&imgrefurl=http%3A%2F%2Fwww.luangtanarongsak.org%2Fhome%2Findex.php%2F2017-10-14-13-20-39%2F2020-02-06-08-06-17%2Fitem%2F5892-08-aug28-63-dama-info-40&tbnid=F7P_hi3CPvv6DM&vet=12ahUKEwjr5ovOh5bwAhUBsksFHfiaAFkQMygMegUIARCXAQ..i&docid=xa7S-l5tpSrtEM&w=1152&h=1536&q=%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B0&ved=2ahUKEwjr5ovOh5bwAhUBsksFHfiaAFkQMygMegUIARCXAQ